สองเดือนกับสายสวนปัสสวะหลังผ่าตัดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
สวัสดีค่ะวันนี้พี่ทิพขอเล่าถึงเรื่องที่ไม่สามารถที่จะลืมได้อีกหนึ่งเรื่องก็คือ พี่ทิพต้องถือถุงปัสสวะเกือบสองเดือนค่ะ วันที่อาจารย์ดำรง อนุญาตให้พี่ทิพกลับบ้านได้หลังจากที่พี่ทิพนอนพักฟื้นที่ตึกนวมินทร์ชั้น 8 ได้ครบอาทิตย์พอดี ก่อนหน้าหนึ่งวันอาจารย์บอกพี่ทิพว่าจะลองเอาสายสวนปัสสวะออกตอนตีสี่และจะให้ลองปัสสวะดูก่อนว่าสามารถปัสสวะเองได้มั้ย ถ้าปัสสวะเองก็ไม่ต้องถือถุงปัสสวะกลับบ้าน อาจารย์บอกว่าโดยปกติแล้วคนที่ผ่าตัดได้สองวันก็จะถอดสายสวนปัสสวะทิ้ง แต่ของพี่ทิพผ่าเยอะค่ะ คือตัดมดลูกยกชุด ตัดลำไส้ใหญ่ช่วงไขมันทิ้งบางส่วน เลาะต่อมน้ำเหลืองทิ้ง 5 จุดใหญ่ และได้ตัดเส้นประสาทการควบคุมการปัสสวะทิ้งไปสามเส้น ฉนั้นพี่ทิพก็จะไม่สามารถจะปัสสวะด้วยตัวเองได้เหมือนเคสอื่นๆ ต้องค่อยๆสร้างเส้นประสาทในการควบคุมปัสสวะโดยธรรมชาติ แล้วก็จะสามารถปัสสวะเองได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อาจจะ ครึ่งเดือน 1 เดือน 2 เดือน หรือมากกว่านั้น ตอนนั้นพี่ทิพไม่ค่อยเครียดสักเท่าไหร่เพราะใจอยากกลับบ้าน คิดว่าเดี๋ยวก็หายแล้ว
แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ทิพเพราะหลังจากที่พี่ทิพพอถึงบ้าน ปัญหาก็ตามมาทันทีคือถุงปัสสวะไม่เห็นว่าจะมีน้ำปัสสวะมากกว่าเดิม พี่ทิพเริ่มกังวลเพราะตอนอยู่ รพ.เห็นพยาบาลมาเทปัสสวะบ่อยๆ แต่ทำไมพอพี่ทิพถึงบ้านถุงปัสสวะไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย น้ำปัสสวะมีเท่าไหร่ก็เท่านั้น
ทีนี้ก็ไม่เป็นอันนอนเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่ง จนกระทั่งเริ่มมีสีเหมือนเลือดไหลมาตามสาย ตกใจมากเลยค่ะทีนี้ก็ยกถุงขึ้นมาดูว่ามันคืออะไร พอยกทีก็รู้สึกว่ามีอาการปวดกระเพาะปัสสวะที แถมสีเลือดก็จะเริ่มชัดเจนขึ้น เดือดร้อนคุณหมอพี่ทิพกลับถึงบ้านไม่ถึงสองชั่วโมง โทรหาหมอ 2 ครั้งคือโทรไปที่ตึกนวมินทร์ค่ะพยาบาลที่รับสายก็ต้องแจ้ง อจ ดำรง ว่าคนไข้โทรมากว่าจะเข้าใจและผ่านไปได้ชั่วขณะ
แต่ต่อมาก็มีปัญหาอีกคือตามสายที่่สวนปัสสวะอยู่ก็มีก้อนเหมือนวุ้นๆคาตามสายเป็นช่วงๆ เราก็ไม่สบายใจอีกแล้วยกถุงปัสสวะขึ้นมาดูอีก ทีนี้พอเรายกถุงปัสสวะสูงกว่าท่อปัสสวะ ปัสสวะก็จะย้อนกลับทำให้ปวดและมีเลือดออกอีก เดือดร้อนหมออีกค่ะ แต่ก็มาได้ความรู้ว่าที่ตามสายปัสสวะมีก้อนเป็นวุ้นๆนั่นคือโปรตีนในปัสสวะค่ะ และถ้าเราดูแล้วว่าน้ำปัสสวะไม่ไหลลงถุงพยาบาลก็สอนว่าให้พับสายสวนปัสสวะแล้วบิดสายปัสสวะ ใช้นิ้วดีดๆๆตามสายเดี๋ยวปัสสวะก็ไหลตามปกติค่ะ
ตลอดเวลาที่พี่ทิพใส่สายสวนปัสสวะพี่ทิพมีปัญหาหลายอย่างต้องไปถอดสายสวนลองดูว่าปัสสวะเองได้บ้างมั้ย ทุกครั้งที่ถอดสายสวนพี่ทิพลุ้นมากพยายามดื่มน้ำเยอะๆ อจ ให้พี่ทิพเดินเล่น นั่งเล่นเพื่อรอดูว่าจะปวดปัสสวะเมื่อไหร่ แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยสำเร็จ พี่ทิพเข้าห้องน้ำทั้งๆที่ปวดปัสสวะแต่ก็ปัสสวะไม่ออก สุดท้ายก็ต้องสวนใหม่อีก มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ทิพต้องมาถอดสายสวนเพราะท่อปัสสวะอักเสบ อจ เลยบอกว่าลองดูว่าถอดครั้งนี้อาจไม่ต้องใส่แล้วก็ได้ ลองถอดเล่นๆดู พี่ทิพดื่มน้ำผ่านไปเป็นชั่วโมงจนท้องใหญ่พี่ทิพเดินเข้าเดินออกห้องน้ำเป็นสิบๆเที่ยวจนกระทั่ง อจ มานั่งรอในห้องคุยกับลูกพี่ทิพ แต่พี่ทิพไม่รู้ว่า อจ มารอพอออกจากห้องน้ำพี่ทิพบอกว่า ออกมานิดเดียวค่ะแต่เดี๋ยวใช้เวลาหน่อยก็คงจะปัสสวะได้ อจ พยักหน้าเสร็จแล้วบอกให้พี่ทิพขึ้นนอนบนเตียงเสร็จแล้ว อจ บอกว่าสวนอีกครั้งก็ไม่น่าเกียจ สวนอีกสักอาทิตย์สรุปว่าตลอดเวลา 2 เดือนพี่ทิพต้องเปลี่ยนสายสวน เกือบ 7 ครั้ง
พี่ทิพใส่สายสวนจะลืมไปว่าการที่คนเราจะปัสสวะได้ปกติต้องมีอาการอย่างไร เพราะพอถอดสายสวยแล้ว อจ ให้กลับบ้านดูว่าจะสามารถปัสสวะได้ปกติมั้ย แต่ปรากฎว่าพี่ทิพปัสสวะได้แค่ครึ่งกระเพาะปัสสวะ จะตกค้างในกระเพาะปัสสวะเกือบครึ่งหรือกว่านั้น จะไม่มีแรงหรืออ๊อกซิเจ่นในน้ำปัสสวะที่จะให้ปัสสวะมีแรงออกมาเหมือนคนธรรมดา ของพี่ทิพจะออกมาแบบน้ำไหลเอื่อยๆ ค่อยไหล ค่อยๆซึมจะนั่งส้วมนานมากค่ะ แต่ในที่สุดพี่ทิพก็ผ่านพ้นวิกฤติจุดนั้นมาได้ก็ใช้เวลาร่วมสองเดือน
ตลอดเวลาสองเดือนพี่ทิพรบกวน อจ ก่อนนัดตลอดเวลา มาแทรกคลินิกนอกเวลาเป็นประจำ จนหลังๆพี่ทิพเกรงใจ อจ พอพี่ทิพโผล่หน้าเข้าไปพี่ทิพต้องบอก อจ ก่อนเลยว่า อจ อย่ารำคาญดิฉันน๊ะค่ะ หรือ อจ ห้ามโกรธน๊ะค่ะ อจ ก็จะหัวเราะทุกครั้ง และก็จะพูดว่า คุณไม่ได้ผ่าตัดธรรมดา แต่คุณผ่าตัดมะเร็งและที่สำคัญคุณผ่ามากคือผ่าเยอะกว่าเคสอื่น คุณก็จะบอบช้ำกว่าเคสอื่น เมื่อมีอะไรที่ผิดปกติ คุณก็ต้องรีบมาพบหมออย่างนี้ก็ถูกต้องแล้ว พี่ทิพเลยพูดว่าดิฉันมาหา อจ บ่อยจนเหม็นหน้ากันไปข้างหนึ่งเลย อจ ก็อมยิ้ม เลยทำให้พี่ทิพสบายใจขึ้นค่ะ
พี่ทิพ
29 มค.54 23.13 น.
...............................................................................................................................
สวัสดีพี่ทิพ และทุกๆคนนะคะ
นัทเป็นคนนึงที่ตัดสินใจผ่าตัดกับคุณหมอดำรงหลังจากได้อ่านคำแนะนำของพี่ทิพ
นัท เริ่มตรวจเจอเนื้องอกที่มดลูกขนาด 9 ซมที่โรงพยาบาลศิขรินทร์ในวันที่ 23 กย. 52 เนื่องจากว่านัทไปตรวจร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมจะมีลูก ซึ่งหมอที่ศิขรินทร์บอกว่าต้องผ่าออกก่อน ไม่นั้นจะแท้งง่าย หรือถ้าไม่แท้งก็มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด และคุณแม่ก็จะตกเลือดมาก
วัน ที่ 28 กย. 52 นัทได้ไปพบคุณหมอดำรงที่คลีนิคนอกเวลาของโรงพยาบาลจุฬา ซึ่งคุณหมอได้ตรวจภายในและขอให้นัทมาซาวน์ในวันพุธที่ 30 กย.52 หลังจากซาวน์ คุณหมอดำรงก็นัดให้มาผ่าโดยการส่องกล้องในวันที่ 8 ตค. 52 รวมทั้งหมดนัทใช้เวลาที่ไปหาคุณหมอดำรงวันแรกจนถึงวันที่ได้ผ่าเป็นระยะเวลา 10 วัน มีแต่คนบอกว่าเร็วมาก(ที่นัทได้คิวผ่าเร็ว เพราะนัทบอกคุณหมอว่าอยากรีบผ่าและโชคดีที่คนไข้ของวันที่ 8 ขอเลื่อนออกไปก่อน)
นัทเริ่มผ่าตอนทุ่มครึ่ง โดยหมอวิสัญญีมาวางยาสลบให้ ก่อนวาง หมอก็จะชวนคุย และนัทก็หลับไป ตื่นมาอีกทีพยายามเพ่งมองนาฬิกาว่ากี่โมง แต่มันเลือนมาก พยายามจะถามพยาบาลว่าผ่าเสร็จหรือยัง แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยค่ะ
ประมาณ ตี 2 นัทนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะเจ็บแผลนะคะ แต่เพราะอยากอาเจียนเนื่องจากฤทธิ์ยาสลบ ในที่สุดก็อาเจียนออกมาตอนตี 4 ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
จากนั้นคุณหมอดำรงก็มาเยี่ยมนัทตอน 8 โมงเช้า และอธิบายว่าเริ่มผ่าตอน 2 ทุ่มและเสร็จตอน 5 ทุ่ม โดยพบเนื้องอก 2 ก้อนเล็ก(2 ซม.) และก้อนใหญ 9 ซม. โดยในก้อนใหญ่ ยังมีก้อนเล็กอยู่อีก 1 ก้อนรวมทั้งหมดเป็น 4 ก้อน แต่แผลที่มดลูกไม่กว้างเนื่องจากก้อนใหญ่ก็จริงแต่ขั้วเล็ก คุณหมอดำรงบอกว่ามดลูกนัทดีมากคือไม่มีพังผืดเลย มีแต่ก้อนเนื้อที่บอกไป
นัท มีแผลที่หน้าท้อง 4 จุด บางจุดจะมีรอยเขียวช้ำหรือจ้ำแดง ซึ่งคุณหมอบอกว่าปกติ เพราะรอยช้ำเกิดจากการแทงกล้องลงไป และจ้ำแดงเกิดจากเส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นแตก
อาการเจ็บท้อง นัททนได้นะคะ แต่อาการที่มี gas ในท้องแล้วทำให้เราปวดช่วงลำตัวเนี่ยทรมานดีจังค่ะ
นัท ได้ถามถึงกิจกรรมต้องห้ามหลังการผ่าตัด คุณหมอบอกว่าไม่ห้ามเลยซักอย่าง ให้นัทใช้ชีวิตได้ปกติ นัทพยายามย้ำถามคุณหมอว่าแล้วหนูยกของหนักได้หรือค่ะ คุณหมอบอกว่าได้ เพราะแผลนัทไม่ใช่แผลยาว ยกเว้นถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ให้มีหลังจากนี้ 1 เดือน และถ้าจะมีลูก ให้รอซัก 2 เดือน เด็กจะได้เกาะได้ดีขึ้น
วันนี้นัทเพิ่งออกจากโรงพยาบาล มีอาการไข้นิดหน่อย แต่ที่ทรมานคือมีเสมหะที่คอ ทำให้ไอ แน่นอนว่าเจ็บท้องมากค่ะ
คุณหมอนัทให้ไปดูอาการหลังจากนี้อีก 1 เดือน แต่ถ้ามีปัญหาอะไร ก็สามารถไปพบได้ทันทีเพียงแต่โทรบอกพยาบาลไว้ก่อน
สุดท้ายนัทต้องขอขอบพระคุณพี่ทิพที่ได้มาบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้นัทตัดสินใจผ่ากับคุณหมอ และขอให้พี่พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆนะคะ
เครดิต :nuttool
โดย: nuttool
.....................................................................................
สวัสดี ค่ะ พี่ทิพ และ ทุกคนในบล๊อคนี้ ก่อนอื่นขอเป็นกำลังใจให้พี่ทิพคนเก่ง สู้ ๆ นะคะ เพราะได้อ่านเรื่องราวของทิพแล้วรู้สึกว่าพี่ทิพเป็นหญิงแกร่งจริง ๆค่ะ พอดีกำลังหาข้อมูลเรื่องเนื้องอกอยู่เลยแวะเข้ามาอ่าน รู้สึกใจชื้นขึ้นเยอะเลย เพราะเพื่อนเยอะ ..อิอิ.. จะขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ เพื่อเป็นกำลังใจ พอดีได้ตรวจเจอเจ้าเนื้องอกเนี่ยตั้งแต่ ต.ค ปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณหมอบอกว่ายังเล็กอยู่ให้คอยตามดู ยังไม่ต้องผ่า แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาไปพบคุณหมอตามนัด คุณหมอได้ตรวจภายในและบอกว่าเจ้าเนื้องอกโตขึ้น ประกอบกับได้แจ้งคุณหมอว่า ตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบเลือดจาง คุณหมอเลยให้ทำ อัลตร้าซาวน์ พบว่าเนื้องอกมีขนาด 5 ซม. และบังรังไข่ข้างซ้าย จนเกือบมองไม่เห็น (ไม่รู้ว่ามันเป็นสาเหตุให้เราไม่มีน้องอ่ะเป่าน๊อ..??) อายุ 43 แล้วค่ะ แต่งงานมา 14 ปี ไม่มีวี่แววจะมีน้องเลย เมือ่ก่อนก็ปวดท้องตอนมีประจำเดือนบ่อย ๆ ที่จริง เรื่องเลือดจางเนี่ย รู้ตัวมาได้ 4-5 ปีแล้ว เพราะเมื่อก่อน จะบริจาคเลือด บริจาคได้สักพัก เลือดไม่ถึงเกณฑ์ เลยไม่ได้ไปอีกจนทุกวันนี้ (ประจำเดือนมาเยอะ วัน 2 วันแรกใช้ผ้าอนามัย ประมาณ10 แผ่น/วัน คุณหมอเลย แนะนำ ให้ตัดมดลูกเลยง่ะ ...เพราะเราคงหมดวัยที่จะมีลูกได้แล้ว และจะได้ไม่มีภาวะเลือดจาง ......ทำใจมา 1 อาทิตย์ พรุ่งนี้ 14 ก.ค 53 จะไปตรวจเลือด และ อื่นๆ เพื่อจะ เตรียมผ่า หลังจากปรึกษาครอบครัว เพื่อน ๆ และคนรู้จักที่ได้ผ่าต้ดเจ้าเนื้องอกนี่แล้ว เค้าก็แนะนำว่าผ่าเลย.....รวม ทั้งอ่านข้อมูลต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ตจนได้เจอพี่ทิพและทุกคนในนี้ จึงอยากรบกวนถาม พี่ทิพ ว่ามีความเห็นอย่างไรค่ะ จะผ่าที่ รพ.มิชชั่นค่ะ อยากถามพี่ทิพว่า มีความเห็นอย่างไรบ้างคะ ช่วยตอบหน่อยนะคะ
เครดิต : หมูตอน
โดย: หมูตอน
.......................................................................................................................
สวัสดีค่ะคุณหมูตอน
พี่ทิพอ่านนามแฝงแล้วก็อดแอบยิ้มไม่ได้ เมื่อก่อนที่บ้านเรียกพี่ว่า แม่หมูตอนค่ะ พี่ทิพเคยอ้วนมากๆคือน้ำหนัก78กิโล แต่ตอนหลังแฟนพี่ทิพเรียกว่า เจ๊คุมวิน พอหลังจากผ่าตัดแล้วพี่ทิพตัวเล็ก เลยเรียก หมวยเอ๊ย แต่ตอนนี้พี่ทิพเดี้ยงอีกแล้ว กระดูกก้นกบหักมาได้ครบอาทิตย์แล้วค่ะ เลยนั่งจ่อมอยู่แต่หน้า COMไปไหนก็ไม่สะดวก
ส่วนเรื่องของคุณหมูตอน (พี่ทิพเพิ่งจะเปิดอ่าน) สำหรับพี่ทิพ พี่ทิพเห็นด้วยค่ะ เพราะอายุ 43 ปีแล้ว พี่ทิพมีเพื่อนๆในกระทู้อยู่หลายคนที่มีอาการคล้ายกับคุณหมูตอนค่ะ ทุกคนก็ตัดมดลูกทิ้ง จะเหลือไว้ก็แต่รังไข่ เพราะรังไข่ยังสามารถผลิตฮอร์โมนให้กับร่างกายเราได้ เว้นเสียถ้ามีเหตุจำเป็นต้องตัดรังไข่ไปด้วย ก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
เดี๋ยวนี้คุณหมอเก่งๆเยอะค่ะ พี่ทิพขอให้คุณหมูตอนโชคดีน๊า ที่สำคัญต้องไม่เครียด ความเครียดจะเป็นอุปสรรคในการผ่าตัดค่ะ
โดย : พี่ทิพค่ะ
................................................................................................................................
สวัสดี ค่ะพี่ทิพ... ขอบคุณนะคะที่พี่ทิพกรุณาตอบคำถาม ทำให้มีกำลังใจ ชื่อหมูตอนนี่สามีก็เป็นคนเรียกค่ะ ตั้งแต่จีบกันใหม่ๆ จนถึงทุกวันนี้ยังเรียกอยู่ทั้งที่ไม่อ้วนซะหน่อย (51 กิโล) ^_^ วันนี้ไปหาหมอมาแล้วค่ะกลับมาก็รีบเข้ามาในบล๊อคเพื่อดูคำตอบของพี่ทิพเลย ....ผลการตรวจเลือดปกติค่ะแต่คุณหมอบอกว่าใกล้ประจำเดือนมาแล้ว ให้รอประจำเดือนหมดก่อน ค่อยผ่า คุณหมอก็บอกเหมือนพี่ทิพเลยว่ารังไข่ยังอยู่ เพื่อผลิตฮอร์โมน นอกเหนือจากว่าถ้าจำเป็นต้องเอาออกก็เลี่ยงไม่ได้แต่ เท่าที่ดูไม่น่ามีปัญหาอะไร ดังนั้นก็ต้องรอให้ประจำเดือนมาอีกครั้ง จึงจะได้ผ่าก็ประมาณ อีก 1อาทิตย์ กว่า จะหมด ก็อีก 1 อาทิตย์ โดยรวมแล้วน่าจะประมาณสิ้นเดือนน่ะค่ะ ถ้าประจำเดือนมาตรงกับเดือนที่แล้วนะคะ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยตรงเลยสักครั้ง บางทีก็มาเร็ว บางทีก็มาช้า ตอนนี้รอรู้สึกว่าเวลา 2 อาทิตย์ ช่างช้าซะเหลือเกิน แล้วเดี๋ยวยังไง จะเข้ามาคุยด้วยเรื่อย ๆ นะคะ ยังไงขอให้พี่ทิพแข็งแรงเร็ว ๆ นะคะ สู้ ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เครดิต:หมูตอน
โดย: หมูตอน
........................................................................................................................
วันนี้ พึ่งไปตรวจมาที่โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยอเนอรัล สะพานใหม่ หมอบอกว่าเป็นเนื้องอก ใหญ่เท่ากับคนท้อง 2 เดือน ต้องตัดมดลูก ค่าใช้จ่ายประมาณ 60,000 บาท ตอนแรกที่คุณหมอบอก.... กลัวมาก กลับมาร้องไห้เลย หมอบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่ ให้กลับมาบอก แต่คิดว่าค่าใช้จ่ายแพงมากไป อยากไปหาอาจารย์ดำรง ที่คุณทิพเล่าให้ฟัง จะต้องไปวันพุธ ที่โรงพยาบาลจุฬาใช่มั๊ยค่ะ รบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ ตอนนี้ใจคอไม่ดีเลยค่ะ กลัวมากค่ะ ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ ใครเคยผ่าตัดกับอาจารย์ดำรงบ้างค่ะ แนะนำด้วยนะค่ะ...ขอบคุณค่ะ
เครดิต : คุณอึ่ง
โดย: อึ่ง
................................................................................................................................
สวัสดี ค่ะคุณอิ่งพี่ทิพอยากให้คุณไปพบอาจารย์ดำรงที่รพ.จุฬาในวันพุธไม่ทราบว่าคุณ อิ่งมีบัตรคนไข้ของจุฬาแล้วหรือยังถ้ายังไม่มีคุณต้องปทำบัตรคนไข้ก่อนไปให้ เช้าหน่อยก็จะดีค่ะเมื่อได้บัตรคนไข้แล้วตอนที่ไปแผนกคัดกรองอาการพยาบาลจะ ถามอาการคุณอิ่ง คุณอิ่งแจ้งอาการแล้วพร้อมบอกความต้องการพบอาจารย์ดำรง ตรีสุโกศลถ้าเราไม่แจ้งคุณอิ่งอาจไม่ได้พบอาจารย์เพราะพยาบาลอาจจะจัดให้พบ กับคุณหมอคนอื่นพี่ทิพอยากแนะว่าถ้าคุณอิ่งมีงบจำกัดก็ให้เรียนอาจารย์ตรงๆ แต่ถ้าผ่าตัดในเวลาราชการอาจารย์จะไม่ได้อะไรเลยเพราะอาจารย์มีแค่เงินเดือน คุณอิ่งก็สามารถใส่ซองเป็นค่าตอบแทนแพทย์พี่ทิพว่ายังไงก็น่าจะถูกว่าราคา ของรพ.เซ็นทรัลค่ะยังไงๆก็รีบๆหน่อยก็จะดีน๊ะค่ะเพราะที่พี่ทิพเป็นมะเร็ง เยื่อบุโพรงมดลูกก็เพราะความไม่ใส่ใจต่อสุขภาพของตัวเองจนเกือบจะสายเกินไป พี่ทิพคิดเสมอว่าพี่ทิพโชคดีที่เป็นมะเร็งแล้วรักษาหายจนปลอดภัยแล้วจะเป็น แบบพี่ทิพทุกคนหรือเปล่าจะโชคดีได้หมอดีเหมือนพี่ทิพมั้ย ในเมื่อมีโอกาสแล้วรีบไปปรึกษาอาจารย์ดำรงเถอะค่ะ พี่ทิพขิให้คุณอิ่งโชคดีน๊ะค่ะ.
โดย : พี่ทิพ
.................................................................................................................
สวัสดีค่ะ...ทุกคน
หลัง จากตรวจพบเนื้องอกมดลูกได้ประมาณ 2 เดือน ได้คิวผ่าตัดวันที่ 21 กันยายน นี้ค่ะ ผ่าตัดโดยผ่านกล้องกับหมอดำรง ตรีสุโกศล ที่โรงพยาบาลจุฬาค่ะ (พี่ทิพแนะนำ) ทำใจอยู่นาน แต่ก็ยังกลัว ๆ อยู่ค่ะ หลังผ่าตัดต้องรบกวนปรึกษา พี่ทิพ , คุณjj , คุณยุ้ย , คุณเนตร ด้วยได้มั๊ยค่ะ...
พี่ทิพค่ะสู้ ๆ นะค่ะ (พึ่งรู้เรื่องราวของพี่นะค่ะ) พี่เก่งอยู่แล้วค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
เครดิต : คุณอึ่ง
โดย: อึ่ง
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
หวัดดีค่ะพี่ทิพ, ไปสืบหาอีเมล์ ของพี่ทิพ จะได้เขียนอะไรได้เยอะขึ้นหน่ะค่ะ วันเสาร์ (19 ก.พ.) ไปหาหมอสูติที่นี่ เริ่มแรกหมอจะสอบข้อมูลย้อนหลังเกี่ยว กับตัวเราค่อนข้างเยอะ ทั้งที่เกี่ยวข้องตรงๆ กับโรค และ บรรพบุรุษ (ตุ๊กแก ให้สามีไปนั่งฟังด้วย จะได้ช่วยกันให้ข้อมูล รวมถึงสอบถามปัญหาต่างๆ) หลังจากนั้นหมอก็นำไปห้องตรวจ โดยหมอได้ป้ายเมือกที่ปากมดลูกไปตรวจด้วยกล้อง ผลปกติ หลังจากนั้นก็ตรวจด้วยเครื่องอัลตรา ซาวน์ ซาวน์ผ่านช่องคลอดอย่างเดียว ไม่ผ่านหน้าท้อง ขณะซาวน์ก็จะอธิบายเราไปด้วย (แต่ดูภาพไม่ค่อยออกค่ะ ก็ได้แต่ฟังหมอพูด) หลังจากนั้นก็ใช้มือ นิ้ว เช็คความผิดปกติของช่องคลอด สรุปผล มดลูกโตกว่าปกติ 2 เท่า (ด้านยาวปกติ แต่ด้านกว้างโตกว่าปกติ) ก้อนเนื้องอกที่โตสุดก็ 5-6 Cm. คุณหมอ ให้ความคิดเห็นว่าถ้าไม่มีอาการ 3 อย่างนี้ คือ ประจำเดือนมามาก ปวดท้อง และ สิ่งรบกวนจิตใจ(หลังจากรู้เป็นเนื้องอก) ก็ไม่จำเป็นต้องผ่า หลายๆ คนก็ไม่ผ่า ยอมที่จะอยู่กับเนื้องอก ใช้ชีวิตปกติ และ อัลตราซาวน์ดูเป็นระยะ (ของตุ๊กแก เองจะมีเพียงมันรบกวนจิตใจ แต่อื่นๆ ก็ดูจะปกติ) ตอนนี้หมอให้กลับมาคิดว่าจะเอายังงัย หลังจากปรึกษากับสามี ก็เห็นพ้องกันว่า อีก 6 เดือน จะไปอัลตราซาวน์ซ้ำ และตอนนี้ก็เริ่มเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง เพื่อจะได้ง่ายในการพิจารณาของหมอในครั้งต่อไป ... ความรู้สึกหลังจากที่ไปพบหมอก็สบายใจขึ้นมาก แต่ยังงัยก็คิดว่าจะผ่าค่ะ รอแค่จะเป็นเมื่อไหร่ วันแรกที่ตรวจ คุณหมอ (ท่านนี้ ท่านอื่นๆ ไม่แน่ใจ) จะเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ให้เวลากับเรามาก ทั้งๆ ที่มีคนไข้รอเยอะ (หมอบ้านเรา ที่เคยไปตรวจจะไม่ค่อยซักประวัติอะไรมาก ตรวจไปตามอาการ และสรุปผล บางท่านพูดเหมือนเขียนไว้ก่อน) ขอบคุณพี่ทิพ มากๆ เลยนะคะ สำหรับกำลังใจ รู้สึกดีมากๆ ค่ะ ... สวิตฯ หนาวอุณหภูมิข้างนอกก็เกือบติดล บค่ะ (1-2 องศา) บางพื้นที่ก็หนาวกว่านี้มากๆ ขึ้นอยู่กับความสูงของพื้นที่ ในความคิดส่วนตัวยุโรปน่าเที่ยว แต่ถ้ามาใช้ชีวิตสู้บ้านเราไม่ได้ค่ะ บั้นปลายชีวิตก็จะกลับไปอยู่บ้านเราค่ะ ตุ๊กแกเพิ่งมาอยู่ ยังไม่ถึง 2 ปี ภาษาเยอรมันก็ยังไม่เก่ง ยังต้องใช้ภาษาอังกฤษควบอยู่ค่ะ แต่งงานช้า (รถไฟขบวนสุดท้าย) ก็เลยหมดโอกาสมีลูก ตอนนี้ก็อยู่กันเพียงสองคน ตา-ยาย ก็ดีเหมือนกันค่ะ เพราะไม่ต้องมีห่วง เขียนเยอะจริงๆ คงไม่ว่ากันนะคะ ขอให้พี่ทิพ มีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ หวังว่าซักวันคงมีโอกาสได้เจอกัน ตุ๊กแก (ชื่อเล่นแบบเต็มๆ ค่ะ)
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณตุ๊กแก แฮ่ ขอเรียกชื่อเต็มก่อนน๊า
พี่ทิพดีใจจังที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกคน แถมอยู่ซะไกลเลย แต่ความรู้สึกไม่ได้ไกลเลยน๊ะเหมือนนั่งคุยกันอยู่ใกล้ๆค่ะ พี่ทิพได้เพื่อนไกลบ้านอยู่หลายคน ก็เป็นคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพค่ะ ได้ให้คำแนะนำไปบางคนก็ได้กลับมาผ่าที่เมืองไทย พี่ทิพขออวยพรให้คุณตุ๊กมีสุขภาพแข็งแรงค่ะ ดูผลสัก6 เดือนแล้วค่อยตัดสินใจเผื่อเนื้องอกไม่โตขึ้น บางคนพอหมดประจำเดือน เนื้องอกก็ฝ่อไปเองก็มี ถ้าเป็นแค่เนื้องอกจริงๆ อยู่ใกล้หมอปลอดภัยค่ะ
พี่ทิพขออนุญาตเอาเมลของคุณตุ๊กไปโพสต์ไว้ที่เวป มดเมิน ได้มั้ยค่ะขอลงในหน้าบทความจะได้เป็นความรู้สำหรับเพื่อนๆค่ะเป็นเวปพี่ทิพเองค่ะ
คุณตุ๊กเล่นเฟสบุ๊คหรือปล่าวค่ะเผื่อว่าเราจะได้เห็นหน้ากัน
พี่ทิพขอให้คุณตุ๊กโชคดีค่ะ
พี่ทิพค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
หวัดดีค่ะพี่ทิพ, นั่งอยู่หน้าคอมฯ ก็เลยได้เห็นอีเมล์ พี่ทิพ เร็ว ... เรียกชื่อเฉยๆ ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ดูเป็นทางการเกิน ... ยินดีค่ะ ถ้าพี่ทิพ จะนำไป Post ตอนแรกที่เขียนก็เอ ยาวมากไปหรือเปล่า ก็เลยไม่กล้า Post ค่ะ ไม่ได้เป็นสมาชิกของ Facebook เลยค่ะ แต่มี Skype ค่ะ นานๆ ก็จะ Chat ที ... มีอินเตอร์เน็ต ก็ดีนะคะ มีอะไรก็แลกเปลี่ยนความรู้กันได้ และทำให้ดูไม่ห่างไกลกัน ขอบคุณพี่ทิพ มากๆ อีกครั้งนะคะ ประสพการณ์การเจ็บป่วยของพี่ทิพ ได้ให้กำลังใจกับใครหลายๆ คน รวมถึงตัวตุ๊กแก ด้วย ได้เล่าเรื่องพี่ทิพ ให้สามีฟังด้วยนะ เขายังชมเลยว่าพี่ทิพ เข้มแข็งมากๆ ทั้งกาย และ ใจ
หลังจากที่อัลตราซาวน์ซ้ำ หรือ มีอะไร update ก็จะนำเรื่องราวมาแชร์ให้ฟังอีกนะคะ เผื่อจะได้เป็นความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ รู้สึกเขียนเยอะ เกรงใจคนอ่านหน่ะค่ะ (ปกติจะพูดไม่เก่งค่ะ แต่เขียนดูจะได้เรื่อง ได้ราวมากกว่า) รักษาสุขภาพนะคะ และไว้คุยกันอีกค่ะ ตุ๊กแก
''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
ปรึกษาผ่าตัดกล่องจดหมายX ตอบ |jimy ทะนันชัย ถึง ฉัน แสดงรายละเอียด 15 ก.พ. (8 วันที่ผ่านมา) สวัสดีค่ะพี่ทิพ ขอรบกวนปรึกษาเพื่อความมั่นใจ จิ๋มเป็นเนื้องอกที่มดลูกขนาด 10 ซม.และซีสต์ที่รังไข่ 1 ข้างมีภาวะโลหิตจางเลือดประมาณ 20% รักษากับคุณหมอพงษ์เกษมที่โรงพยาบาลจุฬาฯ
เพราะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหมอคนไหนมาอ่านพบข้อมูลของพี่ที่หลัง หมอให้ผ่าเปิดหน้าท้องแล้วให้นัดกับพยาบาลที่จัดการเกี่ยวกับคิวผ่าตัด นัดตรวจร่างกายวันที่ 26 ก.พ.นี้ นัดผ่าวันที่ 15 มี.ค.
หนูถามราคาผ่าตัดพยาบาลบอกว่าประมาณ 8 หมื่นบาท เบิกได้ประมาณ 60 % หนูเป็นข้าราชการเลยขอหมอผ่าในเวลา หมอบอกให้คุยกับพยาบาล พอคุยกับพยาบาลคุณพยาบาลบอกว่าต้องคุยกับหมอ
แต่พยาบาลบอกว่าถ้าผ่าในเวลาหมอจะไม่ได้ค่าผ่าอะไรเลย อยากให้หนูผ่านอกเวลา ค่าใช้จ่ายก็พอจะทนได้แต่ความมั่นใจในหมอหนูไม่ค่อยมั่นใจเลย ในชีวิตไม่เคยผ่าตัดอะไรเลยรู้สึกกลัว
จะเปลี่ยนเป็นคุณหมอดำรงก็คงจะน่าเกลียดมากเพราะหมออยู่แผนกเดียวกัน หนูควรทำอย่างไรดีคะรบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณ jimy
พี่ทิพเลยไม่ทราบว่าจะแนะนำอย่างไรดี คืออย่างนี้ค่ะถ้าเราจะผ่าตัดในเวลาราชการ เราต้องมีค่าตอบแทนแพทย์ใส่ซองให้อาจารย์หมอ แต่ถ้าเราผ่าตัดนอกเวลาค่าผ่าตัดจะมีค่าแพทย์อยู่แล้ว
ส่วนเรื่องความมั่นใจในตัวคุณหมอ ต้องขึ้นอยู่ที่ใจของเราค่ะว่าเราคุยกับหมอที่จะผ่าตัดเรา เราคุยแล้วมีความมั่นใจในตัวของหมอมั้ย คุณหมอได้ชี้แจงหรือแนะนำให้เราเข้าใจมั้ยว่าแนวการรักษาอย่างไร แต่จริงๆแล้วคุณหมอก็เก่งๆไม่แพ้กันหรอกค่ะ เพียงแตว่าพี่ทิพโชคดีได้ อจ ดำรง เป็นแพทย์เจ้าของไข้
คุณ jimy ต้องมั่นใจในตัวหมอน๊า เว้นเสียว่าคุณหมอไม่ให้ความรู้หรือไม่ให้คำี้แนะอะไรเราเลย โยนคนไข้ไปมาระหว่างพยาบาลกับหมอ อันนี้เราก็มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนหมอค่ะ ปราปรึกษาคุณหมอดูว่าถ้าผ่าในเวลาเรารู้ว่าต้องมีค่าตอบแทนแพทย์ ถามท่านเลยค่าว่าค่าตอบแทนแพทย์กี่ตัง ท่านไม่ถือเป็นการดูถูกหรอกน๊ะ เป็นธรรมเนียมค่า ก่อนที่จะเช็คร่างกายลองไปปรึกษาดูอีกครั้งค่ะ
พี่ทิพเอาใจช่วยมีอะไรก็ถามได้ค่ะ
พี่ทิพค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ขอบคุณค่ะ พี่ทิพที่ให้กำลังใจ คุณหมอก็สุภาพและดูแลดี แต่ต้องมั่นใจในตัวหมออย่างที่พี่บอกต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะ คุณทิพ
เมล์นี้ส่งทั้งทางหลังไมค์และทาง [email protected] ค่ะ
ต้องขอโทษนะคะที่เขียนมารบกวนทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เรา ultrasound พบเนื้องอกขนาดใหญ่หลายชี้นในมดลูกค่ะ ตามนี้
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10202450/L10202450.html
เดิมคิดว่าจะผ่าที่โรงพยาบาลเอกชน แต่แพงเหลือแสน(จริงๆแล้วจ่ายแสนแล้วไม่เหลือต่างหาก)
เลยคิดว่าไปผ่าโรงพยาบาลรัฐให้สมฐานะดีกว่า
เห็นคุณหมอดำรง ตรีสุโกศลท่านลงตรวจที่จุฬาด้วย
ไม่รู้ว่าคุณทิพพอจะทราบไหมคะว่า
ถ้าไปตรวจกับคุณหมอที่โรงพยาบาลพญาไท 2 (คุณหมอตรวจที่อื่นด้วยหรือเปล่าคะ) แล้วขอส่งตัวมาจุฬาแทนพอจะเป็นไปได้ไหม ถ้าได้นี่ควรจะเพิ่มเงินพิเศษให้คุณหมอสักเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมคะ
เห็นคุณหมอลงตรวจที่จุฬาเฉพาะวันพฤหัสวันธรรมดา คาดว่าไปแต่ไก่โห่ กว่าจะได้ตรวจคงรอบบ่าย ไม่รู้ด้วยว่าสามารถระบุคุณหมอได้หรือเปล่า
ถ้ามีคำแนะนำอะไรก็รบกวนด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณwantana
พี่ทิพได้อ่านในกระทู้แล้วค่ะ คืออย่างนี้ค่ะ ปกติ อาจารย์ดำรง จะออกตรวจคลินิกในเวลาราชการทุกวันพุธค่ะเวลา 8.30-12.00น แต่ถ้าคุณwantana ยังไม่มีบัตรคนไข้ของจุฬา ก็จะต้องไปทำบัตรแต่เช้าค่ะเปิดรับบัตรคิว หกโมงเช้าแล้วรอแผนกคัดกรองอาการเรียกแล้วจึงส่งตัวขึ้นไปชั้น 7 ภปร แต่โอกาสที่จะผ่าตัดกับอาจารย์ก็ต้องขึ้นอยู่ที่คิวท่านมีว่างหรือป่าว(ในกรณีที่เราเป็นคนไข้วอร์คอิน)ค่ะ
แต่ก็จะมีอีกทางที่พี่ทิพฝากแต่ละเคสให้อาจารย์จนได้ผ่าตัดคือพี่ทิพอยากให้ไปพบที่ รพ.บำรุงราษฎร์ หรือ รพ. พญาไท 2ก่อนแล้วนำผลตรวจที่เรามีอยู่ไปพบท่านและปรึกษาท่านตรงๆค่ะว่าเรามีค่าใช้จ่ายในวงเงินไม่มาก ขอให้อาจารย์ส่งตัวไปผ่าตัดที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ถ้าผ่าในเวลาโดยที่เราได้ฝากอาจารย์และมีคิวหรือแทรกคิว(ในกรณีที่เคสบางเคสสามารถรอได้หรือเลื่อนวันนัดผ่า) อจ ท่านก็จะผ่าให้ในเวลาราชการค่ะ
ส่วนค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเปิดหน้าท้องในเวลาราชการอยู่ที่ 25,000.-บวกค่าตอบแทนแพทย์คือใส่ซองให้ อจ 10,000.-รวมเป็น 35,000.-บวก ลบ นิดหน่อยแต่ส่วนมากจะไม่เกินค่ะ แต่ถ้าเป็นการส่องกล้องก็รวมแล้วไม่เกิน 40,000.- แต่ถ้าผ่าตัดนอกเวลาราชการ ค่าใช้จ่ายก็จะค่อนข้างสูงค่ะ คือถ้าเลาะเนื้องอกอย่างเดียวไม่ได้ตัดมดลูกก็ไม่น่าจะเกิน 70,000.-แต่ถ้าตัดมดลูกด้วยก็เกือบๆ 90,000.-อัพนิดๆค่ะ
หรือผ่าตัดที่นอกสถานที่ก็จะมี รพ. ปิยเวช ค่าใช้จ่ายก็ใกล้เคียงคลีนิกนอกเวลา รพ.จุฬาค่ะเว้นเสียแต่ว่าช่วงนั้นมีราคาแพคเกจก็อาจถูกกว่าบ้างนิดหน่อย แต่เท่าที่พี่ทิพแนะนำเพื่อนๆไปผ่าหรือฝาก อจ ก็จะมีทั้งผ่าในเวลาก็ไม่น้อยค่ะ บางเคสไม่อยากรอ หรือรอไม่ไหวมีความจำเป็นต้องผ่านอกเวลาก็มีหลายเคส
ส่วนตารางออกตรวจที่ รพ.บำรุงราษฎร์ก็จะมีวัน อังคาร พุธ ศุกร์ เวลา 16.30 - 18.30 น วันอาทิตย์ 8.30 - 12.00 น ค่ะ
รพ.พญาไท 2 ทุก เสาร์ อาทิตย์ เวลา 16.00 - 18.00 น
ส่วน ที่คลีนิกนอกเวลาที่ รพ.จุฬา ทุกวันจันทร์ พฤหัส เวลา 17.00 - 19.00 น วันเสาร์ เวลา 8.00 -12.00 น ค่ะ ทั้งนี้ต้องเช็คเวลาอีกครั้งว่าท่าน ติดผ่าตัด หรือ ประชุมแพทย์มั้ย แต่ถ้าคุณ wantana สะดวกไปพบ อจ วันไหน โทรหาพี่ทิพก่อนก็ได้ค่ะ พี่ทิพจะได้เกริ่น กับ อจ ให้ก่อนว่าจะที่เคสชื่อคุณ wantana จะไปพบจะได้ถือโอกาสฝากท่านก็จะไม่ค่อยพลาด อย่างไรก็ตามการเป็นโรคนี้พี่ทิพแนะนำค่ะว่าอย่าเครียดเพราะความเครียดเราจะทำให้มีผลกับเนื้องอกอย่างมากค่ะ โดยเฉพาะเรายังไม่ทราบว่าเนื้องอกที่เป็นเป็นเนื้องอกชนิดรุกคืบ หรือเนื้องอกที่เป็นเนื้องอกธรรมดา
คุณ wantana ลองจัดเวลาดูน๊าแล้วโทรหาพี่ทิพได้ 081-925-7469
พี่ทิพค่ะ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
เรียนพี่ทิพ
อ่านเจอในพันทิพคะ เลยมาถามต่อ
หนูมีตกขาวมาก เมื่อวันจันทร์ไหลออกมา ประมาณ 1 ช้อนชา สีเหลืองๆเขียวๆ มีคล้ายๆแป้งสีขาวปนออกมา
เลยไปหาหมอ หมอบอกว่าอาจเกิดจากการล้างเข้าไปข้างใน ทำให้ระบบนิเวศผิดปกติ (ปกติหนูก็ไม่ล้างสวนเข้าไปข้างในนะคะ)
ก่อนหน้าที่จะเป้นประจำเดือน (ประจำเดือนมาวันที่ 12 ธันวา 53)
มีอาการตกขาวเป็นแป้งสีเหลืองๆเขียวๆ จับตัวกันเป็นก้อนคล้ายดินน้ำมัน ประมาณเท่าลูกมะยม
เมื่อวานเลยให้หมอตรวจมะเร้งปากมดลูกไปด้วยเลยคะ รอฟังผลอีก 2 อาทิตย์
ตอนนี้กลุ่มใจมาก หนูมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกไหมค่ะ
และมีวิธีรักษาอาการตกขาวไหมค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เจ้
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณเจ้
คุณเจ้ตอนนี้อายุเท่าไหร่ค่ะและมีครอบครัวแล้วหรือยัง อาการตกขาวเกิดได้จากหลายสาเหตุ
จากมีเพศสัมพันธุ์ จากการมีเชื้อรา จากการที่เราทำความสะอาดมากจนเกินไปโดยการใช้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้าไปในช่องคลอดแล้วเกิดการอักเสบ แต่เรื่องมะเร็งปากมดลูกก็ไม่ควรมองข้ามค่ะ
คุณเจ้ใจเย็นๆรอฟังผลชิ้นเนื้อก่อนค่ะ อาจแค่อักเสบหรือมีเชื้อแบคทีเรียก็ได้ค่ะ มีอะไรค่อยปรึกษาพี่ทิพอีกได้ค่ะ พี่ทิพยินดีค่ะ
ขอให้คุณเจ้โชคดีน๊า ส่งข่าวด้วยค่ะ พี่ทิพค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณเจ้
เป็นงัยบ้างค่ะ ผลออกมาแล้ว พี่ทิพขอให้ไม่เป็นอะไรน๊า็ ส่งข่าวด้วยน๊าพี่ทืพเป็นห่วง หรือคุณเจ้เข้าไปในเวป www.modmern.weebly.com เข้าแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นวิทยาทานสำหับเพื่อนหญิงก็ดีค่ะ ขอให้ดูแลสุขภาพค่ะ
พี่ทิพค่ะ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ต้องขอโทษที่ไม่ได้ตอบเมลล์ค่ะ
ผลการตรวจออกมาแล้วค่ะ ไม่เป็นมะเร็ง
แต่ช่องคลอดติดเชื้อรา เลยต้องใช้ยาเหน็บอยู่ 1 อาทิตย์
แล้วอาการแบบนี้จะกลับมาอีกใช่ไหมค่ะ เคยเป้นครั้งหนึ่งแล้วค่ะ แต่ครั้งก่อนแค่กินยา
ขอบคุณมากค่ะ
เจ้
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ดีใจด้วยค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยน๊ะ
พี่ทิพค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
คุณทิพ บอนได้อ่านข้อความของคุณทิพที่โพสต์ลงเน็ตเกี่ยวการป่วยของคุณทิพและเรื่องอ.ดำรงมานานแล้ว เพราะบอนกลัวมะเร็งมาก นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึง วันที่จำเป็นต้องพึ่งอาจารย์และคุณทิพ บอนยังไม่ป่วยหรอกค่ะ แต่เป็นแม่ แม่ไปตรวจแล้วพบว่ามีเนื้องอกมดลูก หนักประมาณ 3 กิโลค่ะ แม่ปวดหลังมากๆ เป็นประจำเดือนก็เยอะ สงสารแม่มากๆค่ะ แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็งเพราะกลัวแม่เสียกำลังใจ อยากให้แม่ผ่าเร็วที่สุดค่ะ แต่งบก็มีประมาณแค่ 4-5 หมื่น ก็เลยต้องผ่ารพ.รัฐแน่ๆ อยากรบกวนคุณทิพ ช่วยแนะนำวิธีที่จะได้พบอาจารย์ได้ไหมคะ แล้วถ้าไปพบที่บำรุงราษฎร์กับพญาไท ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะไหมคะ แล้วเงินพิเศษที่คุณทิพบอก หมื่นเดียวได้ไหมคะ? หรือต้องเท่าไหร่ ไม่ทราบจริงๆค่ะ หรือคุณทิพจะแนะนำหมอท่านอื่นก็ได้ค่ะ ไม่อยากให้แม่ป่วยแบบนี้ เห็นแล้วมันเจ็บไปด้วย รบกวนคุณทิพช่วยด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ บอน
เครดิต : คุณบอน 22/1/53
อัพเดท : 01/03/54
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณบอนพี่ทิพเข้าใจความรู้สึกคุณบอนค่ะเพราะตอนที่พี่ทิพรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งลูกสาวพี่ทิพแอบร้องไห้พอหันมามองหน้ากันก็ได้แต่กอดกันแต่พี่ทิพไม่กล้าร้องเพราะกลัวคนรอบด้านจะเสียขวัญ เรื่องของคุณแม่พี่ทิพขอแนะนำให้ไปพบอาจารย์ดำรงที่รพ.บำรุงราษฎร์ก่อนค่าใช้จ่ายปรึกษาแพทย์พร้อมตรวจภายในไม่เกิน1,000.-เราไปเพื่อให้อาจารย์รับเราเป็นคนไข้ของท่านค่ะส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายถ้าผ่าในเวลาราชการก็จะไม่แพงมากเท่ากับผ่าคลินิคนอกเวลาค่ะส่วนเรื่องค่าตอบแทนแพทย์ก็อยู่ไม่เกิน10,000.-ค่ะพี่ทิพอยากให้คุณบอนปรึกษาท่านตรงๆท่านจะให้คำแนะนำว่าสมควรจะผ่าเมื่อไหร่เพราะอะไรและผลดีผลเสียเป็นอย่างไรวันที่26ที่จะถึงน้องสาวพี่ทิพก็จะผ่าตัดมดลูกโดยการส่องกล้องกันอาจารย์ดำรงเหมือนกันค่ะที่รพ.ปิยเวท น้องสาวพี่ทิพมีประกันสุขภาพสามารถเบิกได้เต็มแต่ตอนพี่ทิพไม่มีประกันอะไรเลย หรือคุณบอนจะโทรหาพี่ทิพก็ได้081-925-7469 เพราะวันพุธที่27พี่ทิพจะไปทำธุระที่รพ.บำรุงราษฎร์ตอนเย็นถ้าจังหวะตรงกันพี่ทิพอาจจะได้พาแนะนำฝากกับอาจารย์ดำรงเลยแต่โทรคุยกันก่อนก็ดีน๊ะพี่ทิพขอให้คุณแม่โชคดีค่ะแล้วค่อยคุยกันใหม่ค่ะ
พี่ทิพค่ะ 23/01/53
อัพเดท 01/03/54
.............................................................................................................................................
แม่ลูกโดย Pimonthip Jitcharoenvirakul ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2010 เวลา 0:06 น.พี่ ทิพแต่งงานเมื่อปี 24 ก่อนแต่งได้ปรึกษาหมอ(คราวนี้ไม่ใช่หมอดำรง ตรีสุโกศลค่ะ)เพื่อวางแผนครอบครัวยังไม่อยากมีลูกในเวลานั้นเพราะไม่พร้อม หลายๆอย่าง พี่ทิพทานยาคุมที่คุณหมอให้มา แต่พี่ทิพก็ลืมทานแต่พอนึกขึ้นมาได้ก็รีบทานในมื้อเช้า
พี่ทิพแต่งงานได้ประมาณ 2 เดือนก็ไม่สบายรู้สึกว่ามีไข้เวียนศรีษะ เบื่ออาหาร เป็นอย่างนี้อยู่เกือบอาทิตย์ จนแม่แฟนบอกว่าพี่ทิพท้องแน่ๆ พี่ทิพก็บอกไม่ใช่หรอกเพราะทานยาคุมอยู่
แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นพี่ทิพเลยไปหาหมอที่รพ.พญาไท 1 ตรวจปัสสวะปรากฎว่าพี่ทิพท้องได้เดือนเศษๆ ตอนนั้นพี่ทิพงงกับผลตรวจมาก แต่ในใจก็แอบดีใจว่าเราจะมีลูกแล้วหรือนี่ ตอนนั้นพี่ทิพอายุ 24 ปีค่ะ
หลังจากวันที่รู้ผลตรวจพี่ทิพก็งงกับอาการของตัวเอง คือพี่ทิพมีเลือดออกเหมือนคนมีประจำเดือนแต่มาแบบน้อยๆ แต่ก็ต้องใส่ผ้าอนามัยตลอด พี่ทิพมีอาการแพ้ท้องอย่างมโหฬารทานอะไรก็ไม่ได้ แค่ได้กลิิ่นก็อาเจียนจนเป็นน้ำสีเหลืองๆขมๆอาเจียนจนตัวสั่นเลยค่ะ
พอพี่ทิพรู้ว่าตัวเองมีความผิดปกติก็เลยนึกอยากเปลี่ยนหมอ มีคนแนะนำว่ารพ.กรุงเทพคริสเตียนดี พี่ทิพก็ตัดสินใจไปรพ.เลย พอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ซักประวัติและถามว่ามีอาการและเป็นอะไรมา พี่ทิพบอกว่าพี่ทิพมีท้อง พยาบาลถามว่ารู้ได้อย่างไร พี่ทิพบอกว่าประจำเดือนขาดไป 2 เดือนแล้ว เขาถามว่าแล้วพี่ทิพรู้หรือว่าประจำเดือนขาดต้องมีท้องด้วย งง กับคำถาม
เขาเลยให้พี่ทิพไปตรวจปัสสวะ ผลออกมาว่าพี่ทิพท้องได้ 2 เดือนแต่มีอาการจะแท้งเพราะมีเลือดออกมาตลอด ทางรพ.จัดยาให้พี่ทิพกลับมาทาน แต่หมอบอกกับพี่ทิพว่า ให้ทานยาแต่ไม่รับรองว่าจะแท้งหรือไม่ วันนั้พี่ทิพก็กลับไปทำงานตามปกติ แต่อาการแพ้ท้องก็มีมากเหมือนเดิม จนกระทั่งประมาณบ่าย 3 โมงพี่ทิพอยากทานซุปหน่อไม้มากๆเลยฝากแม่บ้านซื้อมาเพราะยังอยู่ในเวลางาน
พี่ทิพแอบไปนั่งทานอย่างอร่อยมาก แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 15 นาทีพี่ทิพก็ปวดท้องอย่างรุนแรงปวดจนกระทั่งพี่ทิพเป็นลมไม่รู้สึกตัว เพื่อนๆเลยพาพี่ทิพไปส่งรพ.เพชรบุรี(สมาคมไคเช็คชนเก่า) ถนนเพชรบุรีค่ะเพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานพี่ทิพทำงานอยู่ซอยอโศก
พี่ทิพโชคดีได้เจอคุณหมอที่เพิ่งกลับมาจากเยอรมันเป็นคุณหมอผู้หญิง พี่ทิพมารู้สึกตัวที่รพ.ได้ยินคุณหมอพูดกับแฟนพี่ทิพว่า พี่ทิพมีอาการจะแท้งลูก เพราะพี่ทิพมดลูกต่ำ ปากมดลูกสั้น เพราะฉนั้นเมื่อมดลูกขยายตัวปากมดลูกก็ยิ่งสั้นและปากมดลูกก็จะเปิด นั้นหมายถึงการแท้งลูก แฟนพี่ทิพถามคุณหมอว่าแล้วต้องทำอย่างไร แล้วจะแท้งมั้ย คุณหมอบอกว่าถ้าจะเก็บเด็กไว้ก็ต้องปฎิบัติตามคุณหมอ ตอนนั้นบอกตรงๆว่ากลัวว่าถ้าพี่ทิพมีเลือดออกมาตลอดแล้วลูกออกมาจะปกติมั้ย
อวัยวะจะครบทุกส่วนมั้ย คุณหมอก็บอกว่าไม่เป็นไร พี่ทิพเลยตัดสินใจทีจะเก็บลูกไว้ค่ะ
หลังจากนั้นพี่ทิพก็ต้องทานยาไม่ทราบว่ายาอะไรบ้าง แต่ในขณะเดียวกันก็มีเลือดมาแต่ก็ไม่มาก แต่ที่ทรมานที่สุดคือปวดท้อง แพ้ท้อง เดินไม่ได้เลยบ้านหมุนติ้ว พี่ทิพน้ำหนักตัวลดแทนที่จะเพิ่ม พี่ทิพแพ้ท้องจนพ่อ แม่พี่ทิพสงสาร แม่พี่ทิพหากระโถนมาให้เวลาอาเจียน ปารกฎว่าเวลาจะอาเจียนมันพุ่งไปไกลกว่ากระโถนอีกตั้งไกล
พอพี่ทิพแพ้หนักๆเข้าก็เริ่มมีผลกระทบกับท้องพี่ทิพ คือจะเจ็บและมีเลือดออกทางช่องคลอดมากขึ้น ในที่สุดก็ต้องไปหาหมออีก คุณหมอเลยต้องให้น้ำเกลือและยาบำรุงผ่านทางน้ำเกลือ พี่ทิพต้องไปให้น้ำเกลือวันเว้นวัน บางครั้งเว้นสองวันจนคุณหมอเห็นใจไม่คิดค่าห้อง แค่ฝากให้นอนให้น้ำเกลือแล้วก็กลับบ้าน เป็นอย่างนี้ตลอด จนตัวพี่ทิพมีแต่กลิ่่นยาจากการให้น้ำเกลือ ที่สำคัญหลังมือพี่ทิพมีแต่รอยเข็มที่เจาะให้น้ำเกลือแลดูเหมือนคนติดยา จนตอนหลังๆพยาบาลต้องถามว่าเมื่อวานนี้เจาะข้างไหน
เรื่องยังมีเล่าต่ออีกพอพี่ทิพท้องได้ 4 เดือนเริ่มมีปัญหาเด็กดิ้นเลือดก็ยังออกพอดิ้นแต่ละครั้ง มันมีความรู้สึกว่าเหมือนมีปลาดิ้นต่ำๆใกล้ๆปากช่องคลอด พี่ทิพต้องหยุดเดินทันทีแล้วต้องนั่งลงเลยค่ะ ไม่งั้นเด็กหลุดแน่ๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ทิพอยากจะไปเดินห้างเมโทร(สมัยนั้นอยู่ใกล้ทางด่วนพชร บุรี)พอพี่ทิพเดินได้แค่ประมาณ 100 เมตร ลูกก็ดิ้นจะหลุดออกมาต้องรีบหาเก้าอี้นั่ง แล้วเลยรีบไปรพ.คุณหมอเลยให้พี่ทิพเย็บปากมดลูก แถมบอกให้ต้องนอนคว่ำเพื่อให้มดลูกลอยตัวให้สูงขึ้นพี่ทิพต้องนอนคว่ำจนท้อง เริ่มใหญ่ (ก็แค่เหมือนคนลงพุงน้อยๆ) ตอนนั้นพี่ทิพรู้สึกว่าทำไมคนท้องถึงได้ลำบากขนาดนี้(คิดถงแม่ที่สุด)
หลังจากเดือนที่ 4 เลือดก็ออกน้อยลง คงเกี่ยวกับการเย็บปากมดลูก แต่อาการแพ้ท้องมันไม่น้อยกว่าเดิมเลย ช่วงนั้นแฟนพี่ทิพต้องทำงาน 2 ที่ คือหลังเลิกงาน 5 โมงเย็น พอ 1ทุ่มก็ไปทำงานพิเศษกลับ ตี 3 ช่วงนั้นพี่ทิพรู้สึกแย่มากๆ แถมครอบครัวที่พี่ทิพอยู่มีย่าทวดอายุมากแล้ว เขาก็รักพี่ทิพน๊ะ แต่คนสมัยย่าทวดเวลามีท้องเขาก็แค่รู้ว่าท้อง จะไปรพ.อีกทีก็ตอนคลอดแล้ว แต่กับพี่ทิพมันไม่ใช่อย่างนั้น หาหมอตลอดทุกครั้งที่ไปหาหมอต้องหลบๆแอบๆ แถมครอบครัวที่บ้านแฟนขายขาหมู ขาหมูย่าทวดก็เผาเอง ตอนนั้นพี่ทิพท้องได้ประมาณ 5 เดือน ท้องเริ่มใหญ่ขึ้น พี่ทิพต้องรับหน้าที่เผาขาหมู ตอนแรกๆพี่ทิพไม่ต้องทำ แต่ตอนหลังน้องสามีแต่งงานไปพี่ทิพเลยต้องทำแทน เวลาเผาขาหมูพี่ทิพต้องนั่งขอนไม้ประมาณเก้าอี้เตี้ยๆ เตาไฟก็ต้องไฟแรงๆ พี่ทิพก็ขี้ร้อน แถมแพ้ท้องเหม็นกลิ่นขาหมูที่เผา แถมเผาแล้วก็ต้องขูดขาหมูอีก พี่ทิพทำได้อยู่นานแค่ไหนจำไม่ได้ ความที่นั่งค้ำท้องหลายครั้ง
เลือดก็เริ่มออกอีก แฟนพี่ทิพเลยพาพี่ทิพกลับมาอยู่กับพ่อ แม่พี่ทิพ พี่ทิพเลยค่อยยังชั่วหน่อย เพราะที่บ้านดูแลเป็นอย่างดี
ตลอดเวลาพี่ทิพต้องฉีดยากันแท้งเป็นระยะๆ เจอทั้งน้ำเกลือ เจอทั้งยากันแท้ง เป็นอย่างนี้จนกระทั่งเข้าเดือนที่ 9 พี่ทิพก็มีอาการเหมือนปวดท้องถ่าย แต่ถ่ายไม่ออก พี่ทิพเลยโทรไปถามคุณหมอ คุณหมอบอกว่าพี่ทิพจะคลอดแล้ว เชื่อมั้ยค่ะท้องพี่ทิพยังเล็กมากๆเลย พอไปถึงรพ.พยาบาลถามพี่ทิพว่า เอ้า!วันนี้จะเจาะน้ำเกลือข้างไหนดี พี่ทิพบอกจะมาคลอด พยาบาลบอกว่า ท้องยังเล็กเลย แล้วเด็กออกมาหัวจะได้เท่านมข้นตราหมีได้มั้ย พี่ทิพก็คิดหนัก
เพื่อนๆค่ะพี่ทิพเข้ารพ.เตรียมคลอดวันพุธตัดไหมที่เย็บปากมดลูกทิ้ง คุณหมอบอกว่าเด็กเกิดปีนี้ให้เกิดวันพฤหัสจะดีพี่ทิพก็ตามใจคุณหมอ พอวันรุ่งขึ้นพยาบาลมาฉีดยาเพื่อเร่งให้มดลูกบีบตัว ปากมดลูกเปิด แต่ปรากฎว่าจนกระทั่งบ่ายโมงพี่ทิพก็ยังไม่คลอด มีแต่เลือดออกมาเยอะมากๆ พี่ทิพต้องนอนเอาผ้ายางรองก้น พยาบาลต้องเข้ามายกผ้ายางเทเลือดลงกระโถน จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบจะ 6 โมงเย็นในห้องที่พี่ทิพนอน (ไม่ใช่ห้องรอคลอด) เหม็นคาวเลือดอย่างมาก น้องๆหรือคนที่มาเยี่ยมต่างก็บ่น พี่ทิพเริ่มกลัว และอ่อนเพลีย บอกให้คุณหมอผ่าออก แต่ตอนนั้นประมาณ สองทุ่มกว่าๆแล้วคุณหมอบอกว่าผ่าไม่ได้ เพราะพี่ทิพความดันต่ำมาก และเสียเลือดมาก บอกให้พี่ทิพมีสติ ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ บอกตรงๆว่าตอนนั้นพี่ทิพปวดหลังอย่างมาก แต่ในที่สุด สามทุ่ม สิบนาที
พี่ทิพก็คลอดเองตามธรรมชาติ คำแรกพี่ทิพถามคุณหมอว่าลูกอวัยวะครบมั้ยเพราะพี่ทิพกังวลตลอด 9 เดือน พี่ทิพทานน้อยมาก มีแต่น้ำเกลือ และยา มาพอทานได้ก็ตอนกลับมาอยู่กับ พ่อ แม่ พี่ทิพ เพราะบ้านพี่ทิพเป็นร้านอาหารโต้รุงเลยได้ทานในสิ่งที่อยากทาน คือปลานึ่ง และไก่ไหว้เจ้า คือไก่ต้มทั้งตัว แต่ต้องไปไหว้เจ้าที่ก่อนแล้วค่อยทานได้ ไม่งั้นทานไม่ได้จะเหม็น มีอยู่ครั้งนึง แม่เห็นพี่ทิพอยากทานมากเลยบอกว่าไหว้แล้ว ปรากฎว่าทานเข้าไปคำเดียวออกหมดเลย(ไม่เชื่ออย่าลบหลู่)
หลังจากพี่ทิพคลอดแล้ว ลูกสาวพี่ทิพเลี้ยงยาก (หรือเราเลี้ยงไม่เป็น) นมก็กินน้อย พอมากินอาหารเสริมก็ไม่ยอมกินอีก โจ็ก 1 บาท กินไปกินมาเหลือเยอะกว่าเดิมอีก เพราะลูกพี่ทิพอมข้าวพอบ้วนออกมาเลยมีทั้งน้ำลาย ทั้งโจ็ก ลูกสาวพี่ทิพไม่ค่อยแข็งแรง หาหมอค่อนข้างบ่อย
มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ทิพอยู่กับลูกลำพังสองคน ลูกพี่ทิพตัวร้อนจัดพอไปหาหมอ คุณหมอให้ยาแก้ไข้เป็นยาน้ำเชื่อมสีแดงๆ ลูกสาวพี่ทิพไม่ยอมกินยา ซึ่งพี่ทิพก็ไม่เก่งในเรื่องป้อนยา พี่ทิพป้อนยาลูกโดยค่อยๆเทเข้าทางข้างๆแก้มปรากฎว่าลูกสาวพี่ทิพสำลักยา ซึ่งตอนนั้นลูกพี่ทิพเพิ่งได้แค่ประมาณ 3 เดือนตัวเล็กมาก พี่ทิพทำอะไรไม่ถูก พอลูกดิ้นเพราะหายใจไม่ออก พี่ทิพอยู่กับลูกที่ชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า พี่ทิพตะโกนบอกน้องแฟนว่าให้เรียกแม่ (แม่สามี)มาช่วยดูหน่อยเพราะลูกพี่ทิพหายใจไม่ออกดิ้นใหญ่เลย แต่แม่สามีบอกว่าเดี๋ยวก็หายไม่ต้องทำอะไร
ตอนนั้นพี่ทิพกลัวมากคิดว่าลูกต้องตายแน่ๆ แฟนก็ไม่อยู่เพราะไปทำงานต่างจังหวัด พอดีพี่ทิพนึกขึ้นมาได้ว่าเคยอ่านแม่และเด็กอยู่ฉบับบนึงว่า ถ้าลูกลำลักยา หรือสำลักอาหารให้ดูดออกมาตอนนั้นจำได้แค่นั้น พี่ทิพเลยตัดสินใจใจปากพี่ทิพดูดจมูกของลูกซึ่งวินาทีนั้นพี่ทิพก็ไม่รู้ว่า ทำถูกหรือไม่ พี่ทิพเห็นลูกหน้าเขียวร้องไม่มีเสียง พี่ทิพใจเสีย กลัวก็กลัวพี่ทิพทำอย่างนั้นอยู่สองครั้ง พอครั้งที่สองก็มียากับน้ำมูกออกมาอยู่ในปากพี่ทิพ วินาทีนั้นพี่ทิพคิดว่าลูกเรารอดแล้ว และโชคก็เข้าข้างพี่ทิพ ลูกพี่ทิพร้องเสียงดังและไม่ดิ้นแบบตอนรกแล้ว
เชื่อมั้ยค่ะพี่ทิพอยู่กันสองแม่ลูก พี่ทิพนั่งร้องไห้ เสียใจ เสียขวัญ เป็นความรู้สึกที่คิดถึงแม่พี่ทิพอย่างมากที่สุดพี่ทิพเลี้ยงลูกแบบถูกๆผิดๆ ในใจคิดเสมอว่า ถ้าลูกเกิดมาแล้วไม่ปกติในด้านสมอง หรืออวัยวะไม่ครบ แล้วจะทำอย่างไร เพราะตลอดเวลาพี่ทิพมีแต่ยาเท่านั้นที่เข้าสู่ร่างกายพี่ทิพ แถมลูกสาวก็ไม่แข็งแรง ต้องตัดต่อมทอลซิลตอนอายุ 6 ขวบ
ตอนที่พี่ทิพคลอดลูกสาวคนนี้พี่ทิพลำบาก พี่ทิพยังจำภาพที่ลูกสาวพี่ทิพดูดนมจากขวดจนเหงื่อแตก ดูดไปก็ร้องไห้ไปเพราะดูดไม่ออก ที่ดูดไม่ออกเพราะพี่ทิพไม่มีเงินซื้อนมกระป๋องใหม่ให้ลูก พี่ทิพซื้อนมยี่ห้อ คลิม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาแต่เพราะพี่ทิพไปซื้อนมที่หมดอายุ กระป๋องบุบๆ เวลาชงนมแล้วนมไม่ละลาย มันจะเป็นเม็ดๆ เวลาดูดมันก็จะติดที่ปลายจุกนม
มาจนถึงปัจจุบันลูกสาวพี่ทิพเป็นเด็กกตัญญู (พี่ทิพยังเคยพูดให้อาจารย์ดำรงฟังเลยว่าฉันได้ลูกดี) แถมเรียนจบมหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ ได้เกียรตินิยมอันดับสองค่ะ
พี่ทิพคิดว่าเรื่องที่พี่ทิพเล่ามาทั้งหมดมันยังอยู่ในความทรงจำพี่ทิพไม่ รู้ลืม
อัพเดท 06/03/54
..........................................................................................................................................................................
ประสบการณ์คุณแม่มือใหม่โดย Pimonthip Jitcharoenvirakul ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2010 เวลา 0:00 น.พี่ ทิพได้อ่านเรื่องของคุณแม่มือใหม่พี่ทิพอ่านแล้วก็ให้คิดถึงตอนจะคลอด พยาบาลมาบอกว่าคนท้องเวลาเจ็บท้องคลอดถ้าคนแรกร้องโวยวายอย่างไรคนที่สองก็ จะร้องเหมือนท้องแรก พยาบาลบอกทิพว่าร้องได้แต่ห้ามด่า ห้ามถีบพยาบาล(เคยโดนคนเจ็บท้องคลอดถีบจริงๆค่ะ) ทิพก็เลยกลัวจะติดนิสัยเผื่อมีท้องที่สอง เลยไม่ร้องเลยได้แต่บีบมือ บีบแขนพยาบาลบางครั้งเผลอหยิกด้วยค่ะ จนคุณหมอบอกว่าปวดก็ร้องบอกได้จะได้รู้ จนมาถึงตอนสำคัญคือเย็บแผลปากช่องคลอด เจ็บสุดๆ แถมคุณหมอและทีมทำคลอดบอกกับทิพว่าอย่าดิ้นน๊ะ ไม่อย่างนั้นมันจะเสียรูป มันจะเบี้ยว อูย ฟังดูน่ากลัวจัง เย็บสดๆ แต่ละเข็มจิ้มถูกเนื้อไม่อยากบรรยายเลยจริงๆน๊า
พอทิพออกจากรพ.ทาง บ้านสามีก็ให้ไปพักฟื้นที่ผดุงครรภ์แถวๆวัดไตรมิตรทิพจำได้ไม่ลืมเลยว่า วันแรกของที่พักฟื้นใครๆก็หลับอย่างสบายทั้งแม่และลูก แต่ทิพกับลูกไม่ได้นอนหรอกค่ะเพราะว่าลูกพี่ทิพร้องทั้งคืนเพิ่งรู้ว่าร้อง โคลิคเป็นอย่างไร สมัยนั้นช่วงนั้นมี เคอฟิวส์ สองทุ่มถึงตีห้า แทบจะไม่มีรถวิ่งบนท้องถนน ลูกพี่ทิพจะร้องตั้งแต่เริ่มเคอฟิวส์จนหมดเคอฟิวส์
และที่ทิพพักอยู่ เป็นห้องรวมๆกัน 10 เตียงทิพเลยเกรงใจเพื่อนร่วมห้อง เลยต้องอุ้มเดินทั้งคืน เวลาร้องหิวนม (ทิพไม่ค่อยมีน้ำนม)ก็ต้องอุ้มด้วยชงนมด้วยตัวลูกก็เล็กนิดเีดียว กลัวหล่นก็กลัวแต่ก็ไม่กล้าทิ้งให้นอนคนเดียวเพราะจะร้องจนปากเขียวสรุป ว่า เวลาจะชงนมแต่ละครั้งแทบไม่ได้ล้างขวดนมได้แบบสะอาด ได้แค่เขย่าน้ำและลวกน้ำร้อนเท่านั้น ปรากฎว่าลูกท้องเสียค่ะ คราวนี้ยิ่งลำบากเพราะไม่ท้องเสียก็ร้องขนาดนั้นแต่นี่ท้องเสียไปกันใหญ่
ทิพ เย็บแผลคลอดยังใหม่ๆอยู่พอมาเดินอย่างนั้น เพื่อนๆคิดดูน๊ะ เลือดจากตะเข็บแผลไหลมาเป็นทางเลย ตอนแรกๆยังพอเดินได้บ้าง พอวันที่สองแผลอักเสบทิพตัวร้อน เดินก็ไม่ค่อยไหวแล้วต้องค่อยก้าวทีละนิด ลูกก็ร้องเป็นสัญญานเคอฟิวส์เลย ในที่สุดทิพบอกกับทางคนดูแลว่าทิพเดินไม่ไหวแล้ว
ในที่สุดเขาส่ง พยาบาลมาดูแผลแล้วต้องตัดไหมทิ้งเพราะแผลอักเสบเยอะแล้วเย็บใหม่ แล้วจึงมาอบแผลให้แห้งทรมานมากที่สุด คิดทีไรขนลุกทุกที หลังจากนั้นยังมีเรื่องนึงที่ขำๆค่ะ
คือลูกพี่ทิพท้องผูกถ่ายไม่ออก โดยเฉพาะเวลากลางดึกพี่ทิพต้องช่วยเบ่ง เสียงอึ๊ อึ๊เป็นเสียงเบา ยานๆ ส่วนหนึ่งคือทิพง่วงเลยเบ่งทั้งๆที่ตัวเองหลับตา ทีนี้ทิพก็ไม่ทันสังเกตุว่าเพื่อนๆหายไปทีละเตียงจนเหลือพี่ทิพกับเพื่อน ใหม่อีกหนึ่งเตียง จนผ่านไปเกือบอาทิตย์ มีอยู่วันนึงทิพอุ้มลูกออกมานั่งดูทีวีพร้อมเพื่อนๆข้างห้อง ทีนี้ลูกทิพก็ปวดอึเบ่งหน้าดำหน้าแดง ทิพเลยออกเสียงช่วยเบ่ง เท่านั้นแหละค่ะทุกคนหลันมามองที่มาของเสียง แล้วก็บอกกับทิพว่ารู้มั้ยทุกคนในห้องเขากลัวเสียงนี้เขาไม่รู้ว่าเป็นเสียง ของทิพเองที่เขากลัวกันก็เพราะสถานที่พักฟื้นอยู่ตรงข้ามวัดไตรมิตร แล้วทุกๆเย็นจะมีพิธีสวด(งานศพ)เขาก็พูดกันว่าให้สังเกตุฟังเสียงสิกลางดึก จะมีเสียงจากห้องข้างๆ เลยย้ายหนีกันทิพคิดถึงเรื่องนี้ก็อดขำไม่ได้
เป็น ผู้หญิงคิดให้ดีๆนั้นแสนลำบาก แต่ทิพเคยพูดว่าถ้าชาติหน้ามีจริงฉันก็ยังเลือกที่จะเกิดเป็นผู้หญิงอยู่ดี แหละค่ะ ทิพชอบตวามสวยงาม ความรัก ความอ่อนโยน .
อัพเดท 06/03/54
_______________________________________________________________________________________________________________________________
อาหารต้านมะเร็ง
Pimonthip Jitcharoenvirakul อาหารต้านมะเร็ง
อาหารต้านมะเร็ง
อาหารเปี่ยมคุณค่าเหล่านี้ไม่เพียงช่วยยับยั้งมะเร็ง ยังรักษาน้ำหนักให้คงที่และทำให้หัวใจแข็งแรง
ขนมปังโฮลวีท
... ขนมปังสองแผ่นมีไฟเบอร์เกือบ 4 กรัม ช่วยให้ระดับฮอร์โมนเอสโทรเจนคงที่ (การมีเอสโทรเจนสูงเกินไปอาจก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมได้) ทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ยังพบมากใน: ถั่วเลนทิล ลูกแพร์ ถั่วอัลมอนด์
บรอกโคลี
ติดอาวุธป้องกันมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะด้วยการเติมบรอกโคลีในสลัดมีสารซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง
ยังพบมากใน: ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี คะน้า กวางตุ้ง
แครอท
เต็มไปด้วยเบต้าแคโรทีนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่ปากมดลูก รังไข่ ปอด หลอดอาหาร กล่องเสียง และ
มะเร็งปาก หนึ่งถ้วยครึ่งเท่ากับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวันเกือบสามหน่วย
ยังพบมากใน: ฟักทอง แตงโม แคนตาลูป
ถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองเป็นแหล่งสำคัญของสารไฟโตเอสโทรเจน(phytoestrogen) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และมะเร็งปอด
ยังพบมากใน: เต้าหู้ แครอท ผักโขม
กีวี
อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี (ผลขนาดกลางสองผล หรือหนึ่งหน่วยบริโภคมีวิตามินซีประมาณ 137 มิลลิกรัม) ช่วยปกป้องดีเอ็นเอไม่ให้เปลี่ยนรูป ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็ง
ยังพบมากใน: เกรปฟรุตมะละกอ พริกไทย
อะโวคาโด
ในอะโวคาโดมีโฟเลตอยู่เต็มเปี่ยม ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ในหนึ่งถ้วยครึ่ง มีโฟเลตประมาณ 45 ไมโครกรัม เท่ากับ 10 เปอร์เซ็นต์ของ
ที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน
ยังพบมากใน: ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง
สวัสดีค่ะวันนี้พี่ทิพขอเล่าถึงเรื่องที่ไม่สามารถที่จะลืมได้อีกหนึ่งเรื่องก็คือ พี่ทิพต้องถือถุงปัสสวะเกือบสองเดือนค่ะ วันที่อาจารย์ดำรง อนุญาตให้พี่ทิพกลับบ้านได้หลังจากที่พี่ทิพนอนพักฟื้นที่ตึกนวมินทร์ชั้น 8 ได้ครบอาทิตย์พอดี ก่อนหน้าหนึ่งวันอาจารย์บอกพี่ทิพว่าจะลองเอาสายสวนปัสสวะออกตอนตีสี่และจะให้ลองปัสสวะดูก่อนว่าสามารถปัสสวะเองได้มั้ย ถ้าปัสสวะเองก็ไม่ต้องถือถุงปัสสวะกลับบ้าน อาจารย์บอกว่าโดยปกติแล้วคนที่ผ่าตัดได้สองวันก็จะถอดสายสวนปัสสวะทิ้ง แต่ของพี่ทิพผ่าเยอะค่ะ คือตัดมดลูกยกชุด ตัดลำไส้ใหญ่ช่วงไขมันทิ้งบางส่วน เลาะต่อมน้ำเหลืองทิ้ง 5 จุดใหญ่ และได้ตัดเส้นประสาทการควบคุมการปัสสวะทิ้งไปสามเส้น ฉนั้นพี่ทิพก็จะไม่สามารถจะปัสสวะด้วยตัวเองได้เหมือนเคสอื่นๆ ต้องค่อยๆสร้างเส้นประสาทในการควบคุมปัสสวะโดยธรรมชาติ แล้วก็จะสามารถปัสสวะเองได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อาจจะ ครึ่งเดือน 1 เดือน 2 เดือน หรือมากกว่านั้น ตอนนั้นพี่ทิพไม่ค่อยเครียดสักเท่าไหร่เพราะใจอยากกลับบ้าน คิดว่าเดี๋ยวก็หายแล้ว
แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ทิพเพราะหลังจากที่พี่ทิพพอถึงบ้าน ปัญหาก็ตามมาทันทีคือถุงปัสสวะไม่เห็นว่าจะมีน้ำปัสสวะมากกว่าเดิม พี่ทิพเริ่มกังวลเพราะตอนอยู่ รพ.เห็นพยาบาลมาเทปัสสวะบ่อยๆ แต่ทำไมพอพี่ทิพถึงบ้านถุงปัสสวะไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย น้ำปัสสวะมีเท่าไหร่ก็เท่านั้น
ทีนี้ก็ไม่เป็นอันนอนเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่ง จนกระทั่งเริ่มมีสีเหมือนเลือดไหลมาตามสาย ตกใจมากเลยค่ะทีนี้ก็ยกถุงขึ้นมาดูว่ามันคืออะไร พอยกทีก็รู้สึกว่ามีอาการปวดกระเพาะปัสสวะที แถมสีเลือดก็จะเริ่มชัดเจนขึ้น เดือดร้อนคุณหมอพี่ทิพกลับถึงบ้านไม่ถึงสองชั่วโมง โทรหาหมอ 2 ครั้งคือโทรไปที่ตึกนวมินทร์ค่ะพยาบาลที่รับสายก็ต้องแจ้ง อจ ดำรง ว่าคนไข้โทรมากว่าจะเข้าใจและผ่านไปได้ชั่วขณะ
แต่ต่อมาก็มีปัญหาอีกคือตามสายที่่สวนปัสสวะอยู่ก็มีก้อนเหมือนวุ้นๆคาตามสายเป็นช่วงๆ เราก็ไม่สบายใจอีกแล้วยกถุงปัสสวะขึ้นมาดูอีก ทีนี้พอเรายกถุงปัสสวะสูงกว่าท่อปัสสวะ ปัสสวะก็จะย้อนกลับทำให้ปวดและมีเลือดออกอีก เดือดร้อนหมออีกค่ะ แต่ก็มาได้ความรู้ว่าที่ตามสายปัสสวะมีก้อนเป็นวุ้นๆนั่นคือโปรตีนในปัสสวะค่ะ และถ้าเราดูแล้วว่าน้ำปัสสวะไม่ไหลลงถุงพยาบาลก็สอนว่าให้พับสายสวนปัสสวะแล้วบิดสายปัสสวะ ใช้นิ้วดีดๆๆตามสายเดี๋ยวปัสสวะก็ไหลตามปกติค่ะ
ตลอดเวลาที่พี่ทิพใส่สายสวนปัสสวะพี่ทิพมีปัญหาหลายอย่างต้องไปถอดสายสวนลองดูว่าปัสสวะเองได้บ้างมั้ย ทุกครั้งที่ถอดสายสวนพี่ทิพลุ้นมากพยายามดื่มน้ำเยอะๆ อจ ให้พี่ทิพเดินเล่น นั่งเล่นเพื่อรอดูว่าจะปวดปัสสวะเมื่อไหร่ แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยสำเร็จ พี่ทิพเข้าห้องน้ำทั้งๆที่ปวดปัสสวะแต่ก็ปัสสวะไม่ออก สุดท้ายก็ต้องสวนใหม่อีก มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ทิพต้องมาถอดสายสวนเพราะท่อปัสสวะอักเสบ อจ เลยบอกว่าลองดูว่าถอดครั้งนี้อาจไม่ต้องใส่แล้วก็ได้ ลองถอดเล่นๆดู พี่ทิพดื่มน้ำผ่านไปเป็นชั่วโมงจนท้องใหญ่พี่ทิพเดินเข้าเดินออกห้องน้ำเป็นสิบๆเที่ยวจนกระทั่ง อจ มานั่งรอในห้องคุยกับลูกพี่ทิพ แต่พี่ทิพไม่รู้ว่า อจ มารอพอออกจากห้องน้ำพี่ทิพบอกว่า ออกมานิดเดียวค่ะแต่เดี๋ยวใช้เวลาหน่อยก็คงจะปัสสวะได้ อจ พยักหน้าเสร็จแล้วบอกให้พี่ทิพขึ้นนอนบนเตียงเสร็จแล้ว อจ บอกว่าสวนอีกครั้งก็ไม่น่าเกียจ สวนอีกสักอาทิตย์สรุปว่าตลอดเวลา 2 เดือนพี่ทิพต้องเปลี่ยนสายสวน เกือบ 7 ครั้ง
พี่ทิพใส่สายสวนจะลืมไปว่าการที่คนเราจะปัสสวะได้ปกติต้องมีอาการอย่างไร เพราะพอถอดสายสวยแล้ว อจ ให้กลับบ้านดูว่าจะสามารถปัสสวะได้ปกติมั้ย แต่ปรากฎว่าพี่ทิพปัสสวะได้แค่ครึ่งกระเพาะปัสสวะ จะตกค้างในกระเพาะปัสสวะเกือบครึ่งหรือกว่านั้น จะไม่มีแรงหรืออ๊อกซิเจ่นในน้ำปัสสวะที่จะให้ปัสสวะมีแรงออกมาเหมือนคนธรรมดา ของพี่ทิพจะออกมาแบบน้ำไหลเอื่อยๆ ค่อยไหล ค่อยๆซึมจะนั่งส้วมนานมากค่ะ แต่ในที่สุดพี่ทิพก็ผ่านพ้นวิกฤติจุดนั้นมาได้ก็ใช้เวลาร่วมสองเดือน
ตลอดเวลาสองเดือนพี่ทิพรบกวน อจ ก่อนนัดตลอดเวลา มาแทรกคลินิกนอกเวลาเป็นประจำ จนหลังๆพี่ทิพเกรงใจ อจ พอพี่ทิพโผล่หน้าเข้าไปพี่ทิพต้องบอก อจ ก่อนเลยว่า อจ อย่ารำคาญดิฉันน๊ะค่ะ หรือ อจ ห้ามโกรธน๊ะค่ะ อจ ก็จะหัวเราะทุกครั้ง และก็จะพูดว่า คุณไม่ได้ผ่าตัดธรรมดา แต่คุณผ่าตัดมะเร็งและที่สำคัญคุณผ่ามากคือผ่าเยอะกว่าเคสอื่น คุณก็จะบอบช้ำกว่าเคสอื่น เมื่อมีอะไรที่ผิดปกติ คุณก็ต้องรีบมาพบหมออย่างนี้ก็ถูกต้องแล้ว พี่ทิพเลยพูดว่าดิฉันมาหา อจ บ่อยจนเหม็นหน้ากันไปข้างหนึ่งเลย อจ ก็อมยิ้ม เลยทำให้พี่ทิพสบายใจขึ้นค่ะ
พี่ทิพ
29 มค.54 23.13 น.
...............................................................................................................................
สวัสดีพี่ทิพ และทุกๆคนนะคะ
นัทเป็นคนนึงที่ตัดสินใจผ่าตัดกับคุณหมอดำรงหลังจากได้อ่านคำแนะนำของพี่ทิพ
นัท เริ่มตรวจเจอเนื้องอกที่มดลูกขนาด 9 ซมที่โรงพยาบาลศิขรินทร์ในวันที่ 23 กย. 52 เนื่องจากว่านัทไปตรวจร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมจะมีลูก ซึ่งหมอที่ศิขรินทร์บอกว่าต้องผ่าออกก่อน ไม่นั้นจะแท้งง่าย หรือถ้าไม่แท้งก็มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด และคุณแม่ก็จะตกเลือดมาก
วัน ที่ 28 กย. 52 นัทได้ไปพบคุณหมอดำรงที่คลีนิคนอกเวลาของโรงพยาบาลจุฬา ซึ่งคุณหมอได้ตรวจภายในและขอให้นัทมาซาวน์ในวันพุธที่ 30 กย.52 หลังจากซาวน์ คุณหมอดำรงก็นัดให้มาผ่าโดยการส่องกล้องในวันที่ 8 ตค. 52 รวมทั้งหมดนัทใช้เวลาที่ไปหาคุณหมอดำรงวันแรกจนถึงวันที่ได้ผ่าเป็นระยะเวลา 10 วัน มีแต่คนบอกว่าเร็วมาก(ที่นัทได้คิวผ่าเร็ว เพราะนัทบอกคุณหมอว่าอยากรีบผ่าและโชคดีที่คนไข้ของวันที่ 8 ขอเลื่อนออกไปก่อน)
นัทเริ่มผ่าตอนทุ่มครึ่ง โดยหมอวิสัญญีมาวางยาสลบให้ ก่อนวาง หมอก็จะชวนคุย และนัทก็หลับไป ตื่นมาอีกทีพยายามเพ่งมองนาฬิกาว่ากี่โมง แต่มันเลือนมาก พยายามจะถามพยาบาลว่าผ่าเสร็จหรือยัง แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยค่ะ
ประมาณ ตี 2 นัทนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะเจ็บแผลนะคะ แต่เพราะอยากอาเจียนเนื่องจากฤทธิ์ยาสลบ ในที่สุดก็อาเจียนออกมาตอนตี 4 ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น
จากนั้นคุณหมอดำรงก็มาเยี่ยมนัทตอน 8 โมงเช้า และอธิบายว่าเริ่มผ่าตอน 2 ทุ่มและเสร็จตอน 5 ทุ่ม โดยพบเนื้องอก 2 ก้อนเล็ก(2 ซม.) และก้อนใหญ 9 ซม. โดยในก้อนใหญ่ ยังมีก้อนเล็กอยู่อีก 1 ก้อนรวมทั้งหมดเป็น 4 ก้อน แต่แผลที่มดลูกไม่กว้างเนื่องจากก้อนใหญ่ก็จริงแต่ขั้วเล็ก คุณหมอดำรงบอกว่ามดลูกนัทดีมากคือไม่มีพังผืดเลย มีแต่ก้อนเนื้อที่บอกไป
นัท มีแผลที่หน้าท้อง 4 จุด บางจุดจะมีรอยเขียวช้ำหรือจ้ำแดง ซึ่งคุณหมอบอกว่าปกติ เพราะรอยช้ำเกิดจากการแทงกล้องลงไป และจ้ำแดงเกิดจากเส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นแตก
อาการเจ็บท้อง นัททนได้นะคะ แต่อาการที่มี gas ในท้องแล้วทำให้เราปวดช่วงลำตัวเนี่ยทรมานดีจังค่ะ
นัท ได้ถามถึงกิจกรรมต้องห้ามหลังการผ่าตัด คุณหมอบอกว่าไม่ห้ามเลยซักอย่าง ให้นัทใช้ชีวิตได้ปกติ นัทพยายามย้ำถามคุณหมอว่าแล้วหนูยกของหนักได้หรือค่ะ คุณหมอบอกว่าได้ เพราะแผลนัทไม่ใช่แผลยาว ยกเว้นถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ให้มีหลังจากนี้ 1 เดือน และถ้าจะมีลูก ให้รอซัก 2 เดือน เด็กจะได้เกาะได้ดีขึ้น
วันนี้นัทเพิ่งออกจากโรงพยาบาล มีอาการไข้นิดหน่อย แต่ที่ทรมานคือมีเสมหะที่คอ ทำให้ไอ แน่นอนว่าเจ็บท้องมากค่ะ
คุณหมอนัทให้ไปดูอาการหลังจากนี้อีก 1 เดือน แต่ถ้ามีปัญหาอะไร ก็สามารถไปพบได้ทันทีเพียงแต่โทรบอกพยาบาลไว้ก่อน
สุดท้ายนัทต้องขอขอบพระคุณพี่ทิพที่ได้มาบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้นัทตัดสินใจผ่ากับคุณหมอ และขอให้พี่พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆนะคะ
เครดิต :nuttool
โดย: nuttool
.....................................................................................
สวัสดี ค่ะ พี่ทิพ และ ทุกคนในบล๊อคนี้ ก่อนอื่นขอเป็นกำลังใจให้พี่ทิพคนเก่ง สู้ ๆ นะคะ เพราะได้อ่านเรื่องราวของทิพแล้วรู้สึกว่าพี่ทิพเป็นหญิงแกร่งจริง ๆค่ะ พอดีกำลังหาข้อมูลเรื่องเนื้องอกอยู่เลยแวะเข้ามาอ่าน รู้สึกใจชื้นขึ้นเยอะเลย เพราะเพื่อนเยอะ ..อิอิ.. จะขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ เพื่อเป็นกำลังใจ พอดีได้ตรวจเจอเจ้าเนื้องอกเนี่ยตั้งแต่ ต.ค ปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณหมอบอกว่ายังเล็กอยู่ให้คอยตามดู ยังไม่ต้องผ่า แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาไปพบคุณหมอตามนัด คุณหมอได้ตรวจภายในและบอกว่าเจ้าเนื้องอกโตขึ้น ประกอบกับได้แจ้งคุณหมอว่า ตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบเลือดจาง คุณหมอเลยให้ทำ อัลตร้าซาวน์ พบว่าเนื้องอกมีขนาด 5 ซม. และบังรังไข่ข้างซ้าย จนเกือบมองไม่เห็น (ไม่รู้ว่ามันเป็นสาเหตุให้เราไม่มีน้องอ่ะเป่าน๊อ..??) อายุ 43 แล้วค่ะ แต่งงานมา 14 ปี ไม่มีวี่แววจะมีน้องเลย เมือ่ก่อนก็ปวดท้องตอนมีประจำเดือนบ่อย ๆ ที่จริง เรื่องเลือดจางเนี่ย รู้ตัวมาได้ 4-5 ปีแล้ว เพราะเมื่อก่อน จะบริจาคเลือด บริจาคได้สักพัก เลือดไม่ถึงเกณฑ์ เลยไม่ได้ไปอีกจนทุกวันนี้ (ประจำเดือนมาเยอะ วัน 2 วันแรกใช้ผ้าอนามัย ประมาณ10 แผ่น/วัน คุณหมอเลย แนะนำ ให้ตัดมดลูกเลยง่ะ ...เพราะเราคงหมดวัยที่จะมีลูกได้แล้ว และจะได้ไม่มีภาวะเลือดจาง ......ทำใจมา 1 อาทิตย์ พรุ่งนี้ 14 ก.ค 53 จะไปตรวจเลือด และ อื่นๆ เพื่อจะ เตรียมผ่า หลังจากปรึกษาครอบครัว เพื่อน ๆ และคนรู้จักที่ได้ผ่าต้ดเจ้าเนื้องอกนี่แล้ว เค้าก็แนะนำว่าผ่าเลย.....รวม ทั้งอ่านข้อมูลต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ตจนได้เจอพี่ทิพและทุกคนในนี้ จึงอยากรบกวนถาม พี่ทิพ ว่ามีความเห็นอย่างไรค่ะ จะผ่าที่ รพ.มิชชั่นค่ะ อยากถามพี่ทิพว่า มีความเห็นอย่างไรบ้างคะ ช่วยตอบหน่อยนะคะ
เครดิต : หมูตอน
โดย: หมูตอน
.......................................................................................................................
สวัสดีค่ะคุณหมูตอน
พี่ทิพอ่านนามแฝงแล้วก็อดแอบยิ้มไม่ได้ เมื่อก่อนที่บ้านเรียกพี่ว่า แม่หมูตอนค่ะ พี่ทิพเคยอ้วนมากๆคือน้ำหนัก78กิโล แต่ตอนหลังแฟนพี่ทิพเรียกว่า เจ๊คุมวิน พอหลังจากผ่าตัดแล้วพี่ทิพตัวเล็ก เลยเรียก หมวยเอ๊ย แต่ตอนนี้พี่ทิพเดี้ยงอีกแล้ว กระดูกก้นกบหักมาได้ครบอาทิตย์แล้วค่ะ เลยนั่งจ่อมอยู่แต่หน้า COMไปไหนก็ไม่สะดวก
ส่วนเรื่องของคุณหมูตอน (พี่ทิพเพิ่งจะเปิดอ่าน) สำหรับพี่ทิพ พี่ทิพเห็นด้วยค่ะ เพราะอายุ 43 ปีแล้ว พี่ทิพมีเพื่อนๆในกระทู้อยู่หลายคนที่มีอาการคล้ายกับคุณหมูตอนค่ะ ทุกคนก็ตัดมดลูกทิ้ง จะเหลือไว้ก็แต่รังไข่ เพราะรังไข่ยังสามารถผลิตฮอร์โมนให้กับร่างกายเราได้ เว้นเสียถ้ามีเหตุจำเป็นต้องตัดรังไข่ไปด้วย ก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
เดี๋ยวนี้คุณหมอเก่งๆเยอะค่ะ พี่ทิพขอให้คุณหมูตอนโชคดีน๊า ที่สำคัญต้องไม่เครียด ความเครียดจะเป็นอุปสรรคในการผ่าตัดค่ะ
โดย : พี่ทิพค่ะ
................................................................................................................................
สวัสดี ค่ะพี่ทิพ... ขอบคุณนะคะที่พี่ทิพกรุณาตอบคำถาม ทำให้มีกำลังใจ ชื่อหมูตอนนี่สามีก็เป็นคนเรียกค่ะ ตั้งแต่จีบกันใหม่ๆ จนถึงทุกวันนี้ยังเรียกอยู่ทั้งที่ไม่อ้วนซะหน่อย (51 กิโล) ^_^ วันนี้ไปหาหมอมาแล้วค่ะกลับมาก็รีบเข้ามาในบล๊อคเพื่อดูคำตอบของพี่ทิพเลย ....ผลการตรวจเลือดปกติค่ะแต่คุณหมอบอกว่าใกล้ประจำเดือนมาแล้ว ให้รอประจำเดือนหมดก่อน ค่อยผ่า คุณหมอก็บอกเหมือนพี่ทิพเลยว่ารังไข่ยังอยู่ เพื่อผลิตฮอร์โมน นอกเหนือจากว่าถ้าจำเป็นต้องเอาออกก็เลี่ยงไม่ได้แต่ เท่าที่ดูไม่น่ามีปัญหาอะไร ดังนั้นก็ต้องรอให้ประจำเดือนมาอีกครั้ง จึงจะได้ผ่าก็ประมาณ อีก 1อาทิตย์ กว่า จะหมด ก็อีก 1 อาทิตย์ โดยรวมแล้วน่าจะประมาณสิ้นเดือนน่ะค่ะ ถ้าประจำเดือนมาตรงกับเดือนที่แล้วนะคะ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยตรงเลยสักครั้ง บางทีก็มาเร็ว บางทีก็มาช้า ตอนนี้รอรู้สึกว่าเวลา 2 อาทิตย์ ช่างช้าซะเหลือเกิน แล้วเดี๋ยวยังไง จะเข้ามาคุยด้วยเรื่อย ๆ นะคะ ยังไงขอให้พี่ทิพแข็งแรงเร็ว ๆ นะคะ สู้ ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เครดิต:หมูตอน
โดย: หมูตอน
........................................................................................................................
วันนี้ พึ่งไปตรวจมาที่โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยอเนอรัล สะพานใหม่ หมอบอกว่าเป็นเนื้องอก ใหญ่เท่ากับคนท้อง 2 เดือน ต้องตัดมดลูก ค่าใช้จ่ายประมาณ 60,000 บาท ตอนแรกที่คุณหมอบอก.... กลัวมาก กลับมาร้องไห้เลย หมอบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่ ให้กลับมาบอก แต่คิดว่าค่าใช้จ่ายแพงมากไป อยากไปหาอาจารย์ดำรง ที่คุณทิพเล่าให้ฟัง จะต้องไปวันพุธ ที่โรงพยาบาลจุฬาใช่มั๊ยค่ะ รบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ ตอนนี้ใจคอไม่ดีเลยค่ะ กลัวมากค่ะ ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ ใครเคยผ่าตัดกับอาจารย์ดำรงบ้างค่ะ แนะนำด้วยนะค่ะ...ขอบคุณค่ะ
เครดิต : คุณอึ่ง
โดย: อึ่ง
................................................................................................................................
สวัสดี ค่ะคุณอิ่งพี่ทิพอยากให้คุณไปพบอาจารย์ดำรงที่รพ.จุฬาในวันพุธไม่ทราบว่าคุณ อิ่งมีบัตรคนไข้ของจุฬาแล้วหรือยังถ้ายังไม่มีคุณต้องปทำบัตรคนไข้ก่อนไปให้ เช้าหน่อยก็จะดีค่ะเมื่อได้บัตรคนไข้แล้วตอนที่ไปแผนกคัดกรองอาการพยาบาลจะ ถามอาการคุณอิ่ง คุณอิ่งแจ้งอาการแล้วพร้อมบอกความต้องการพบอาจารย์ดำรง ตรีสุโกศลถ้าเราไม่แจ้งคุณอิ่งอาจไม่ได้พบอาจารย์เพราะพยาบาลอาจจะจัดให้พบ กับคุณหมอคนอื่นพี่ทิพอยากแนะว่าถ้าคุณอิ่งมีงบจำกัดก็ให้เรียนอาจารย์ตรงๆ แต่ถ้าผ่าตัดในเวลาราชการอาจารย์จะไม่ได้อะไรเลยเพราะอาจารย์มีแค่เงินเดือน คุณอิ่งก็สามารถใส่ซองเป็นค่าตอบแทนแพทย์พี่ทิพว่ายังไงก็น่าจะถูกว่าราคา ของรพ.เซ็นทรัลค่ะยังไงๆก็รีบๆหน่อยก็จะดีน๊ะค่ะเพราะที่พี่ทิพเป็นมะเร็ง เยื่อบุโพรงมดลูกก็เพราะความไม่ใส่ใจต่อสุขภาพของตัวเองจนเกือบจะสายเกินไป พี่ทิพคิดเสมอว่าพี่ทิพโชคดีที่เป็นมะเร็งแล้วรักษาหายจนปลอดภัยแล้วจะเป็น แบบพี่ทิพทุกคนหรือเปล่าจะโชคดีได้หมอดีเหมือนพี่ทิพมั้ย ในเมื่อมีโอกาสแล้วรีบไปปรึกษาอาจารย์ดำรงเถอะค่ะ พี่ทิพขิให้คุณอิ่งโชคดีน๊ะค่ะ.
โดย : พี่ทิพ
.................................................................................................................
สวัสดีค่ะ...ทุกคน
หลัง จากตรวจพบเนื้องอกมดลูกได้ประมาณ 2 เดือน ได้คิวผ่าตัดวันที่ 21 กันยายน นี้ค่ะ ผ่าตัดโดยผ่านกล้องกับหมอดำรง ตรีสุโกศล ที่โรงพยาบาลจุฬาค่ะ (พี่ทิพแนะนำ) ทำใจอยู่นาน แต่ก็ยังกลัว ๆ อยู่ค่ะ หลังผ่าตัดต้องรบกวนปรึกษา พี่ทิพ , คุณjj , คุณยุ้ย , คุณเนตร ด้วยได้มั๊ยค่ะ...
พี่ทิพค่ะสู้ ๆ นะค่ะ (พึ่งรู้เรื่องราวของพี่นะค่ะ) พี่เก่งอยู่แล้วค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
เครดิต : คุณอึ่ง
โดย: อึ่ง
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
หวัดดีค่ะพี่ทิพ, ไปสืบหาอีเมล์ ของพี่ทิพ จะได้เขียนอะไรได้เยอะขึ้นหน่ะค่ะ วันเสาร์ (19 ก.พ.) ไปหาหมอสูติที่นี่ เริ่มแรกหมอจะสอบข้อมูลย้อนหลังเกี่ยว กับตัวเราค่อนข้างเยอะ ทั้งที่เกี่ยวข้องตรงๆ กับโรค และ บรรพบุรุษ (ตุ๊กแก ให้สามีไปนั่งฟังด้วย จะได้ช่วยกันให้ข้อมูล รวมถึงสอบถามปัญหาต่างๆ) หลังจากนั้นหมอก็นำไปห้องตรวจ โดยหมอได้ป้ายเมือกที่ปากมดลูกไปตรวจด้วยกล้อง ผลปกติ หลังจากนั้นก็ตรวจด้วยเครื่องอัลตรา ซาวน์ ซาวน์ผ่านช่องคลอดอย่างเดียว ไม่ผ่านหน้าท้อง ขณะซาวน์ก็จะอธิบายเราไปด้วย (แต่ดูภาพไม่ค่อยออกค่ะ ก็ได้แต่ฟังหมอพูด) หลังจากนั้นก็ใช้มือ นิ้ว เช็คความผิดปกติของช่องคลอด สรุปผล มดลูกโตกว่าปกติ 2 เท่า (ด้านยาวปกติ แต่ด้านกว้างโตกว่าปกติ) ก้อนเนื้องอกที่โตสุดก็ 5-6 Cm. คุณหมอ ให้ความคิดเห็นว่าถ้าไม่มีอาการ 3 อย่างนี้ คือ ประจำเดือนมามาก ปวดท้อง และ สิ่งรบกวนจิตใจ(หลังจากรู้เป็นเนื้องอก) ก็ไม่จำเป็นต้องผ่า หลายๆ คนก็ไม่ผ่า ยอมที่จะอยู่กับเนื้องอก ใช้ชีวิตปกติ และ อัลตราซาวน์ดูเป็นระยะ (ของตุ๊กแก เองจะมีเพียงมันรบกวนจิตใจ แต่อื่นๆ ก็ดูจะปกติ) ตอนนี้หมอให้กลับมาคิดว่าจะเอายังงัย หลังจากปรึกษากับสามี ก็เห็นพ้องกันว่า อีก 6 เดือน จะไปอัลตราซาวน์ซ้ำ และตอนนี้ก็เริ่มเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง เพื่อจะได้ง่ายในการพิจารณาของหมอในครั้งต่อไป ... ความรู้สึกหลังจากที่ไปพบหมอก็สบายใจขึ้นมาก แต่ยังงัยก็คิดว่าจะผ่าค่ะ รอแค่จะเป็นเมื่อไหร่ วันแรกที่ตรวจ คุณหมอ (ท่านนี้ ท่านอื่นๆ ไม่แน่ใจ) จะเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ให้เวลากับเรามาก ทั้งๆ ที่มีคนไข้รอเยอะ (หมอบ้านเรา ที่เคยไปตรวจจะไม่ค่อยซักประวัติอะไรมาก ตรวจไปตามอาการ และสรุปผล บางท่านพูดเหมือนเขียนไว้ก่อน) ขอบคุณพี่ทิพ มากๆ เลยนะคะ สำหรับกำลังใจ รู้สึกดีมากๆ ค่ะ ... สวิตฯ หนาวอุณหภูมิข้างนอกก็เกือบติดล บค่ะ (1-2 องศา) บางพื้นที่ก็หนาวกว่านี้มากๆ ขึ้นอยู่กับความสูงของพื้นที่ ในความคิดส่วนตัวยุโรปน่าเที่ยว แต่ถ้ามาใช้ชีวิตสู้บ้านเราไม่ได้ค่ะ บั้นปลายชีวิตก็จะกลับไปอยู่บ้านเราค่ะ ตุ๊กแกเพิ่งมาอยู่ ยังไม่ถึง 2 ปี ภาษาเยอรมันก็ยังไม่เก่ง ยังต้องใช้ภาษาอังกฤษควบอยู่ค่ะ แต่งงานช้า (รถไฟขบวนสุดท้าย) ก็เลยหมดโอกาสมีลูก ตอนนี้ก็อยู่กันเพียงสองคน ตา-ยาย ก็ดีเหมือนกันค่ะ เพราะไม่ต้องมีห่วง เขียนเยอะจริงๆ คงไม่ว่ากันนะคะ ขอให้พี่ทิพ มีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ หวังว่าซักวันคงมีโอกาสได้เจอกัน ตุ๊กแก (ชื่อเล่นแบบเต็มๆ ค่ะ)
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณตุ๊กแก แฮ่ ขอเรียกชื่อเต็มก่อนน๊า
พี่ทิพดีใจจังที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกคน แถมอยู่ซะไกลเลย แต่ความรู้สึกไม่ได้ไกลเลยน๊ะเหมือนนั่งคุยกันอยู่ใกล้ๆค่ะ พี่ทิพได้เพื่อนไกลบ้านอยู่หลายคน ก็เป็นคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพค่ะ ได้ให้คำแนะนำไปบางคนก็ได้กลับมาผ่าที่เมืองไทย พี่ทิพขออวยพรให้คุณตุ๊กมีสุขภาพแข็งแรงค่ะ ดูผลสัก6 เดือนแล้วค่อยตัดสินใจเผื่อเนื้องอกไม่โตขึ้น บางคนพอหมดประจำเดือน เนื้องอกก็ฝ่อไปเองก็มี ถ้าเป็นแค่เนื้องอกจริงๆ อยู่ใกล้หมอปลอดภัยค่ะ
พี่ทิพขออนุญาตเอาเมลของคุณตุ๊กไปโพสต์ไว้ที่เวป มดเมิน ได้มั้ยค่ะขอลงในหน้าบทความจะได้เป็นความรู้สำหรับเพื่อนๆค่ะเป็นเวปพี่ทิพเองค่ะ
คุณตุ๊กเล่นเฟสบุ๊คหรือปล่าวค่ะเผื่อว่าเราจะได้เห็นหน้ากัน
พี่ทิพขอให้คุณตุ๊กโชคดีค่ะ
พี่ทิพค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
หวัดดีค่ะพี่ทิพ, นั่งอยู่หน้าคอมฯ ก็เลยได้เห็นอีเมล์ พี่ทิพ เร็ว ... เรียกชื่อเฉยๆ ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ดูเป็นทางการเกิน ... ยินดีค่ะ ถ้าพี่ทิพ จะนำไป Post ตอนแรกที่เขียนก็เอ ยาวมากไปหรือเปล่า ก็เลยไม่กล้า Post ค่ะ ไม่ได้เป็นสมาชิกของ Facebook เลยค่ะ แต่มี Skype ค่ะ นานๆ ก็จะ Chat ที ... มีอินเตอร์เน็ต ก็ดีนะคะ มีอะไรก็แลกเปลี่ยนความรู้กันได้ และทำให้ดูไม่ห่างไกลกัน ขอบคุณพี่ทิพ มากๆ อีกครั้งนะคะ ประสพการณ์การเจ็บป่วยของพี่ทิพ ได้ให้กำลังใจกับใครหลายๆ คน รวมถึงตัวตุ๊กแก ด้วย ได้เล่าเรื่องพี่ทิพ ให้สามีฟังด้วยนะ เขายังชมเลยว่าพี่ทิพ เข้มแข็งมากๆ ทั้งกาย และ ใจ
หลังจากที่อัลตราซาวน์ซ้ำ หรือ มีอะไร update ก็จะนำเรื่องราวมาแชร์ให้ฟังอีกนะคะ เผื่อจะได้เป็นความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ รู้สึกเขียนเยอะ เกรงใจคนอ่านหน่ะค่ะ (ปกติจะพูดไม่เก่งค่ะ แต่เขียนดูจะได้เรื่อง ได้ราวมากกว่า) รักษาสุขภาพนะคะ และไว้คุยกันอีกค่ะ ตุ๊กแก
''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
ปรึกษาผ่าตัดกล่องจดหมายX ตอบ |jimy ทะนันชัย ถึง ฉัน แสดงรายละเอียด 15 ก.พ. (8 วันที่ผ่านมา) สวัสดีค่ะพี่ทิพ ขอรบกวนปรึกษาเพื่อความมั่นใจ จิ๋มเป็นเนื้องอกที่มดลูกขนาด 10 ซม.และซีสต์ที่รังไข่ 1 ข้างมีภาวะโลหิตจางเลือดประมาณ 20% รักษากับคุณหมอพงษ์เกษมที่โรงพยาบาลจุฬาฯ
เพราะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับหมอคนไหนมาอ่านพบข้อมูลของพี่ที่หลัง หมอให้ผ่าเปิดหน้าท้องแล้วให้นัดกับพยาบาลที่จัดการเกี่ยวกับคิวผ่าตัด นัดตรวจร่างกายวันที่ 26 ก.พ.นี้ นัดผ่าวันที่ 15 มี.ค.
หนูถามราคาผ่าตัดพยาบาลบอกว่าประมาณ 8 หมื่นบาท เบิกได้ประมาณ 60 % หนูเป็นข้าราชการเลยขอหมอผ่าในเวลา หมอบอกให้คุยกับพยาบาล พอคุยกับพยาบาลคุณพยาบาลบอกว่าต้องคุยกับหมอ
แต่พยาบาลบอกว่าถ้าผ่าในเวลาหมอจะไม่ได้ค่าผ่าอะไรเลย อยากให้หนูผ่านอกเวลา ค่าใช้จ่ายก็พอจะทนได้แต่ความมั่นใจในหมอหนูไม่ค่อยมั่นใจเลย ในชีวิตไม่เคยผ่าตัดอะไรเลยรู้สึกกลัว
จะเปลี่ยนเป็นคุณหมอดำรงก็คงจะน่าเกลียดมากเพราะหมออยู่แผนกเดียวกัน หนูควรทำอย่างไรดีคะรบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณ jimy
พี่ทิพเลยไม่ทราบว่าจะแนะนำอย่างไรดี คืออย่างนี้ค่ะถ้าเราจะผ่าตัดในเวลาราชการ เราต้องมีค่าตอบแทนแพทย์ใส่ซองให้อาจารย์หมอ แต่ถ้าเราผ่าตัดนอกเวลาค่าผ่าตัดจะมีค่าแพทย์อยู่แล้ว
ส่วนเรื่องความมั่นใจในตัวคุณหมอ ต้องขึ้นอยู่ที่ใจของเราค่ะว่าเราคุยกับหมอที่จะผ่าตัดเรา เราคุยแล้วมีความมั่นใจในตัวของหมอมั้ย คุณหมอได้ชี้แจงหรือแนะนำให้เราเข้าใจมั้ยว่าแนวการรักษาอย่างไร แต่จริงๆแล้วคุณหมอก็เก่งๆไม่แพ้กันหรอกค่ะ เพียงแตว่าพี่ทิพโชคดีได้ อจ ดำรง เป็นแพทย์เจ้าของไข้
คุณ jimy ต้องมั่นใจในตัวหมอน๊า เว้นเสียว่าคุณหมอไม่ให้ความรู้หรือไม่ให้คำี้แนะอะไรเราเลย โยนคนไข้ไปมาระหว่างพยาบาลกับหมอ อันนี้เราก็มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนหมอค่ะ ปราปรึกษาคุณหมอดูว่าถ้าผ่าในเวลาเรารู้ว่าต้องมีค่าตอบแทนแพทย์ ถามท่านเลยค่าว่าค่าตอบแทนแพทย์กี่ตัง ท่านไม่ถือเป็นการดูถูกหรอกน๊ะ เป็นธรรมเนียมค่า ก่อนที่จะเช็คร่างกายลองไปปรึกษาดูอีกครั้งค่ะ
พี่ทิพเอาใจช่วยมีอะไรก็ถามได้ค่ะ
พี่ทิพค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ขอบคุณค่ะ พี่ทิพที่ให้กำลังใจ คุณหมอก็สุภาพและดูแลดี แต่ต้องมั่นใจในตัวหมออย่างที่พี่บอกต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะ คุณทิพ
เมล์นี้ส่งทั้งทางหลังไมค์และทาง [email protected] ค่ะ
ต้องขอโทษนะคะที่เขียนมารบกวนทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เรา ultrasound พบเนื้องอกขนาดใหญ่หลายชี้นในมดลูกค่ะ ตามนี้
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10202450/L10202450.html
เดิมคิดว่าจะผ่าที่โรงพยาบาลเอกชน แต่แพงเหลือแสน(จริงๆแล้วจ่ายแสนแล้วไม่เหลือต่างหาก)
เลยคิดว่าไปผ่าโรงพยาบาลรัฐให้สมฐานะดีกว่า
เห็นคุณหมอดำรง ตรีสุโกศลท่านลงตรวจที่จุฬาด้วย
ไม่รู้ว่าคุณทิพพอจะทราบไหมคะว่า
ถ้าไปตรวจกับคุณหมอที่โรงพยาบาลพญาไท 2 (คุณหมอตรวจที่อื่นด้วยหรือเปล่าคะ) แล้วขอส่งตัวมาจุฬาแทนพอจะเป็นไปได้ไหม ถ้าได้นี่ควรจะเพิ่มเงินพิเศษให้คุณหมอสักเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมคะ
เห็นคุณหมอลงตรวจที่จุฬาเฉพาะวันพฤหัสวันธรรมดา คาดว่าไปแต่ไก่โห่ กว่าจะได้ตรวจคงรอบบ่าย ไม่รู้ด้วยว่าสามารถระบุคุณหมอได้หรือเปล่า
ถ้ามีคำแนะนำอะไรก็รบกวนด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณwantana
พี่ทิพได้อ่านในกระทู้แล้วค่ะ คืออย่างนี้ค่ะ ปกติ อาจารย์ดำรง จะออกตรวจคลินิกในเวลาราชการทุกวันพุธค่ะเวลา 8.30-12.00น แต่ถ้าคุณwantana ยังไม่มีบัตรคนไข้ของจุฬา ก็จะต้องไปทำบัตรแต่เช้าค่ะเปิดรับบัตรคิว หกโมงเช้าแล้วรอแผนกคัดกรองอาการเรียกแล้วจึงส่งตัวขึ้นไปชั้น 7 ภปร แต่โอกาสที่จะผ่าตัดกับอาจารย์ก็ต้องขึ้นอยู่ที่คิวท่านมีว่างหรือป่าว(ในกรณีที่เราเป็นคนไข้วอร์คอิน)ค่ะ
แต่ก็จะมีอีกทางที่พี่ทิพฝากแต่ละเคสให้อาจารย์จนได้ผ่าตัดคือพี่ทิพอยากให้ไปพบที่ รพ.บำรุงราษฎร์ หรือ รพ. พญาไท 2ก่อนแล้วนำผลตรวจที่เรามีอยู่ไปพบท่านและปรึกษาท่านตรงๆค่ะว่าเรามีค่าใช้จ่ายในวงเงินไม่มาก ขอให้อาจารย์ส่งตัวไปผ่าตัดที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ถ้าผ่าในเวลาโดยที่เราได้ฝากอาจารย์และมีคิวหรือแทรกคิว(ในกรณีที่เคสบางเคสสามารถรอได้หรือเลื่อนวันนัดผ่า) อจ ท่านก็จะผ่าให้ในเวลาราชการค่ะ
ส่วนค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเปิดหน้าท้องในเวลาราชการอยู่ที่ 25,000.-บวกค่าตอบแทนแพทย์คือใส่ซองให้ อจ 10,000.-รวมเป็น 35,000.-บวก ลบ นิดหน่อยแต่ส่วนมากจะไม่เกินค่ะ แต่ถ้าเป็นการส่องกล้องก็รวมแล้วไม่เกิน 40,000.- แต่ถ้าผ่าตัดนอกเวลาราชการ ค่าใช้จ่ายก็จะค่อนข้างสูงค่ะ คือถ้าเลาะเนื้องอกอย่างเดียวไม่ได้ตัดมดลูกก็ไม่น่าจะเกิน 70,000.-แต่ถ้าตัดมดลูกด้วยก็เกือบๆ 90,000.-อัพนิดๆค่ะ
หรือผ่าตัดที่นอกสถานที่ก็จะมี รพ. ปิยเวช ค่าใช้จ่ายก็ใกล้เคียงคลีนิกนอกเวลา รพ.จุฬาค่ะเว้นเสียแต่ว่าช่วงนั้นมีราคาแพคเกจก็อาจถูกกว่าบ้างนิดหน่อย แต่เท่าที่พี่ทิพแนะนำเพื่อนๆไปผ่าหรือฝาก อจ ก็จะมีทั้งผ่าในเวลาก็ไม่น้อยค่ะ บางเคสไม่อยากรอ หรือรอไม่ไหวมีความจำเป็นต้องผ่านอกเวลาก็มีหลายเคส
ส่วนตารางออกตรวจที่ รพ.บำรุงราษฎร์ก็จะมีวัน อังคาร พุธ ศุกร์ เวลา 16.30 - 18.30 น วันอาทิตย์ 8.30 - 12.00 น ค่ะ
รพ.พญาไท 2 ทุก เสาร์ อาทิตย์ เวลา 16.00 - 18.00 น
ส่วน ที่คลีนิกนอกเวลาที่ รพ.จุฬา ทุกวันจันทร์ พฤหัส เวลา 17.00 - 19.00 น วันเสาร์ เวลา 8.00 -12.00 น ค่ะ ทั้งนี้ต้องเช็คเวลาอีกครั้งว่าท่าน ติดผ่าตัด หรือ ประชุมแพทย์มั้ย แต่ถ้าคุณ wantana สะดวกไปพบ อจ วันไหน โทรหาพี่ทิพก่อนก็ได้ค่ะ พี่ทิพจะได้เกริ่น กับ อจ ให้ก่อนว่าจะที่เคสชื่อคุณ wantana จะไปพบจะได้ถือโอกาสฝากท่านก็จะไม่ค่อยพลาด อย่างไรก็ตามการเป็นโรคนี้พี่ทิพแนะนำค่ะว่าอย่าเครียดเพราะความเครียดเราจะทำให้มีผลกับเนื้องอกอย่างมากค่ะ โดยเฉพาะเรายังไม่ทราบว่าเนื้องอกที่เป็นเป็นเนื้องอกชนิดรุกคืบ หรือเนื้องอกที่เป็นเนื้องอกธรรมดา
คุณ wantana ลองจัดเวลาดูน๊าแล้วโทรหาพี่ทิพได้ 081-925-7469
พี่ทิพค่ะ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
เรียนพี่ทิพ
อ่านเจอในพันทิพคะ เลยมาถามต่อ
หนูมีตกขาวมาก เมื่อวันจันทร์ไหลออกมา ประมาณ 1 ช้อนชา สีเหลืองๆเขียวๆ มีคล้ายๆแป้งสีขาวปนออกมา
เลยไปหาหมอ หมอบอกว่าอาจเกิดจากการล้างเข้าไปข้างใน ทำให้ระบบนิเวศผิดปกติ (ปกติหนูก็ไม่ล้างสวนเข้าไปข้างในนะคะ)
ก่อนหน้าที่จะเป้นประจำเดือน (ประจำเดือนมาวันที่ 12 ธันวา 53)
มีอาการตกขาวเป็นแป้งสีเหลืองๆเขียวๆ จับตัวกันเป็นก้อนคล้ายดินน้ำมัน ประมาณเท่าลูกมะยม
เมื่อวานเลยให้หมอตรวจมะเร้งปากมดลูกไปด้วยเลยคะ รอฟังผลอีก 2 อาทิตย์
ตอนนี้กลุ่มใจมาก หนูมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกไหมค่ะ
และมีวิธีรักษาอาการตกขาวไหมค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เจ้
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณเจ้
คุณเจ้ตอนนี้อายุเท่าไหร่ค่ะและมีครอบครัวแล้วหรือยัง อาการตกขาวเกิดได้จากหลายสาเหตุ
จากมีเพศสัมพันธุ์ จากการมีเชื้อรา จากการที่เราทำความสะอาดมากจนเกินไปโดยการใช้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้าไปในช่องคลอดแล้วเกิดการอักเสบ แต่เรื่องมะเร็งปากมดลูกก็ไม่ควรมองข้ามค่ะ
คุณเจ้ใจเย็นๆรอฟังผลชิ้นเนื้อก่อนค่ะ อาจแค่อักเสบหรือมีเชื้อแบคทีเรียก็ได้ค่ะ มีอะไรค่อยปรึกษาพี่ทิพอีกได้ค่ะ พี่ทิพยินดีค่ะ
ขอให้คุณเจ้โชคดีน๊า ส่งข่าวด้วยค่ะ พี่ทิพค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณเจ้
เป็นงัยบ้างค่ะ ผลออกมาแล้ว พี่ทิพขอให้ไม่เป็นอะไรน๊า็ ส่งข่าวด้วยน๊าพี่ทืพเป็นห่วง หรือคุณเจ้เข้าไปในเวป www.modmern.weebly.com เข้าแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นวิทยาทานสำหับเพื่อนหญิงก็ดีค่ะ ขอให้ดูแลสุขภาพค่ะ
พี่ทิพค่ะ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ต้องขอโทษที่ไม่ได้ตอบเมลล์ค่ะ
ผลการตรวจออกมาแล้วค่ะ ไม่เป็นมะเร็ง
แต่ช่องคลอดติดเชื้อรา เลยต้องใช้ยาเหน็บอยู่ 1 อาทิตย์
แล้วอาการแบบนี้จะกลับมาอีกใช่ไหมค่ะ เคยเป้นครั้งหนึ่งแล้วค่ะ แต่ครั้งก่อนแค่กินยา
ขอบคุณมากค่ะ
เจ้
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ดีใจด้วยค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยน๊ะ
พี่ทิพค่ะ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
คุณทิพ บอนได้อ่านข้อความของคุณทิพที่โพสต์ลงเน็ตเกี่ยวการป่วยของคุณทิพและเรื่องอ.ดำรงมานานแล้ว เพราะบอนกลัวมะเร็งมาก นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึง วันที่จำเป็นต้องพึ่งอาจารย์และคุณทิพ บอนยังไม่ป่วยหรอกค่ะ แต่เป็นแม่ แม่ไปตรวจแล้วพบว่ามีเนื้องอกมดลูก หนักประมาณ 3 กิโลค่ะ แม่ปวดหลังมากๆ เป็นประจำเดือนก็เยอะ สงสารแม่มากๆค่ะ แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็งเพราะกลัวแม่เสียกำลังใจ อยากให้แม่ผ่าเร็วที่สุดค่ะ แต่งบก็มีประมาณแค่ 4-5 หมื่น ก็เลยต้องผ่ารพ.รัฐแน่ๆ อยากรบกวนคุณทิพ ช่วยแนะนำวิธีที่จะได้พบอาจารย์ได้ไหมคะ แล้วถ้าไปพบที่บำรุงราษฎร์กับพญาไท ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะไหมคะ แล้วเงินพิเศษที่คุณทิพบอก หมื่นเดียวได้ไหมคะ? หรือต้องเท่าไหร่ ไม่ทราบจริงๆค่ะ หรือคุณทิพจะแนะนำหมอท่านอื่นก็ได้ค่ะ ไม่อยากให้แม่ป่วยแบบนี้ เห็นแล้วมันเจ็บไปด้วย รบกวนคุณทิพช่วยด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ บอน
เครดิต : คุณบอน 22/1/53
อัพเดท : 01/03/54
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีค่ะคุณบอนพี่ทิพเข้าใจความรู้สึกคุณบอนค่ะเพราะตอนที่พี่ทิพรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งลูกสาวพี่ทิพแอบร้องไห้พอหันมามองหน้ากันก็ได้แต่กอดกันแต่พี่ทิพไม่กล้าร้องเพราะกลัวคนรอบด้านจะเสียขวัญ เรื่องของคุณแม่พี่ทิพขอแนะนำให้ไปพบอาจารย์ดำรงที่รพ.บำรุงราษฎร์ก่อนค่าใช้จ่ายปรึกษาแพทย์พร้อมตรวจภายในไม่เกิน1,000.-เราไปเพื่อให้อาจารย์รับเราเป็นคนไข้ของท่านค่ะส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายถ้าผ่าในเวลาราชการก็จะไม่แพงมากเท่ากับผ่าคลินิคนอกเวลาค่ะส่วนเรื่องค่าตอบแทนแพทย์ก็อยู่ไม่เกิน10,000.-ค่ะพี่ทิพอยากให้คุณบอนปรึกษาท่านตรงๆท่านจะให้คำแนะนำว่าสมควรจะผ่าเมื่อไหร่เพราะอะไรและผลดีผลเสียเป็นอย่างไรวันที่26ที่จะถึงน้องสาวพี่ทิพก็จะผ่าตัดมดลูกโดยการส่องกล้องกันอาจารย์ดำรงเหมือนกันค่ะที่รพ.ปิยเวท น้องสาวพี่ทิพมีประกันสุขภาพสามารถเบิกได้เต็มแต่ตอนพี่ทิพไม่มีประกันอะไรเลย หรือคุณบอนจะโทรหาพี่ทิพก็ได้081-925-7469 เพราะวันพุธที่27พี่ทิพจะไปทำธุระที่รพ.บำรุงราษฎร์ตอนเย็นถ้าจังหวะตรงกันพี่ทิพอาจจะได้พาแนะนำฝากกับอาจารย์ดำรงเลยแต่โทรคุยกันก่อนก็ดีน๊ะพี่ทิพขอให้คุณแม่โชคดีค่ะแล้วค่อยคุยกันใหม่ค่ะ
พี่ทิพค่ะ 23/01/53
อัพเดท 01/03/54
.............................................................................................................................................
แม่ลูกโดย Pimonthip Jitcharoenvirakul ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2010 เวลา 0:06 น.พี่ ทิพแต่งงานเมื่อปี 24 ก่อนแต่งได้ปรึกษาหมอ(คราวนี้ไม่ใช่หมอดำรง ตรีสุโกศลค่ะ)เพื่อวางแผนครอบครัวยังไม่อยากมีลูกในเวลานั้นเพราะไม่พร้อม หลายๆอย่าง พี่ทิพทานยาคุมที่คุณหมอให้มา แต่พี่ทิพก็ลืมทานแต่พอนึกขึ้นมาได้ก็รีบทานในมื้อเช้า
พี่ทิพแต่งงานได้ประมาณ 2 เดือนก็ไม่สบายรู้สึกว่ามีไข้เวียนศรีษะ เบื่ออาหาร เป็นอย่างนี้อยู่เกือบอาทิตย์ จนแม่แฟนบอกว่าพี่ทิพท้องแน่ๆ พี่ทิพก็บอกไม่ใช่หรอกเพราะทานยาคุมอยู่
แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นพี่ทิพเลยไปหาหมอที่รพ.พญาไท 1 ตรวจปัสสวะปรากฎว่าพี่ทิพท้องได้เดือนเศษๆ ตอนนั้นพี่ทิพงงกับผลตรวจมาก แต่ในใจก็แอบดีใจว่าเราจะมีลูกแล้วหรือนี่ ตอนนั้นพี่ทิพอายุ 24 ปีค่ะ
หลังจากวันที่รู้ผลตรวจพี่ทิพก็งงกับอาการของตัวเอง คือพี่ทิพมีเลือดออกเหมือนคนมีประจำเดือนแต่มาแบบน้อยๆ แต่ก็ต้องใส่ผ้าอนามัยตลอด พี่ทิพมีอาการแพ้ท้องอย่างมโหฬารทานอะไรก็ไม่ได้ แค่ได้กลิิ่นก็อาเจียนจนเป็นน้ำสีเหลืองๆขมๆอาเจียนจนตัวสั่นเลยค่ะ
พอพี่ทิพรู้ว่าตัวเองมีความผิดปกติก็เลยนึกอยากเปลี่ยนหมอ มีคนแนะนำว่ารพ.กรุงเทพคริสเตียนดี พี่ทิพก็ตัดสินใจไปรพ.เลย พอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ซักประวัติและถามว่ามีอาการและเป็นอะไรมา พี่ทิพบอกว่าพี่ทิพมีท้อง พยาบาลถามว่ารู้ได้อย่างไร พี่ทิพบอกว่าประจำเดือนขาดไป 2 เดือนแล้ว เขาถามว่าแล้วพี่ทิพรู้หรือว่าประจำเดือนขาดต้องมีท้องด้วย งง กับคำถาม
เขาเลยให้พี่ทิพไปตรวจปัสสวะ ผลออกมาว่าพี่ทิพท้องได้ 2 เดือนแต่มีอาการจะแท้งเพราะมีเลือดออกมาตลอด ทางรพ.จัดยาให้พี่ทิพกลับมาทาน แต่หมอบอกกับพี่ทิพว่า ให้ทานยาแต่ไม่รับรองว่าจะแท้งหรือไม่ วันนั้พี่ทิพก็กลับไปทำงานตามปกติ แต่อาการแพ้ท้องก็มีมากเหมือนเดิม จนกระทั่งประมาณบ่าย 3 โมงพี่ทิพอยากทานซุปหน่อไม้มากๆเลยฝากแม่บ้านซื้อมาเพราะยังอยู่ในเวลางาน
พี่ทิพแอบไปนั่งทานอย่างอร่อยมาก แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 15 นาทีพี่ทิพก็ปวดท้องอย่างรุนแรงปวดจนกระทั่งพี่ทิพเป็นลมไม่รู้สึกตัว เพื่อนๆเลยพาพี่ทิพไปส่งรพ.เพชรบุรี(สมาคมไคเช็คชนเก่า) ถนนเพชรบุรีค่ะเพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานพี่ทิพทำงานอยู่ซอยอโศก
พี่ทิพโชคดีได้เจอคุณหมอที่เพิ่งกลับมาจากเยอรมันเป็นคุณหมอผู้หญิง พี่ทิพมารู้สึกตัวที่รพ.ได้ยินคุณหมอพูดกับแฟนพี่ทิพว่า พี่ทิพมีอาการจะแท้งลูก เพราะพี่ทิพมดลูกต่ำ ปากมดลูกสั้น เพราะฉนั้นเมื่อมดลูกขยายตัวปากมดลูกก็ยิ่งสั้นและปากมดลูกก็จะเปิด นั้นหมายถึงการแท้งลูก แฟนพี่ทิพถามคุณหมอว่าแล้วต้องทำอย่างไร แล้วจะแท้งมั้ย คุณหมอบอกว่าถ้าจะเก็บเด็กไว้ก็ต้องปฎิบัติตามคุณหมอ ตอนนั้นบอกตรงๆว่ากลัวว่าถ้าพี่ทิพมีเลือดออกมาตลอดแล้วลูกออกมาจะปกติมั้ย
อวัยวะจะครบทุกส่วนมั้ย คุณหมอก็บอกว่าไม่เป็นไร พี่ทิพเลยตัดสินใจทีจะเก็บลูกไว้ค่ะ
หลังจากนั้นพี่ทิพก็ต้องทานยาไม่ทราบว่ายาอะไรบ้าง แต่ในขณะเดียวกันก็มีเลือดมาแต่ก็ไม่มาก แต่ที่ทรมานที่สุดคือปวดท้อง แพ้ท้อง เดินไม่ได้เลยบ้านหมุนติ้ว พี่ทิพน้ำหนักตัวลดแทนที่จะเพิ่ม พี่ทิพแพ้ท้องจนพ่อ แม่พี่ทิพสงสาร แม่พี่ทิพหากระโถนมาให้เวลาอาเจียน ปารกฎว่าเวลาจะอาเจียนมันพุ่งไปไกลกว่ากระโถนอีกตั้งไกล
พอพี่ทิพแพ้หนักๆเข้าก็เริ่มมีผลกระทบกับท้องพี่ทิพ คือจะเจ็บและมีเลือดออกทางช่องคลอดมากขึ้น ในที่สุดก็ต้องไปหาหมออีก คุณหมอเลยต้องให้น้ำเกลือและยาบำรุงผ่านทางน้ำเกลือ พี่ทิพต้องไปให้น้ำเกลือวันเว้นวัน บางครั้งเว้นสองวันจนคุณหมอเห็นใจไม่คิดค่าห้อง แค่ฝากให้นอนให้น้ำเกลือแล้วก็กลับบ้าน เป็นอย่างนี้ตลอด จนตัวพี่ทิพมีแต่กลิ่่นยาจากการให้น้ำเกลือ ที่สำคัญหลังมือพี่ทิพมีแต่รอยเข็มที่เจาะให้น้ำเกลือแลดูเหมือนคนติดยา จนตอนหลังๆพยาบาลต้องถามว่าเมื่อวานนี้เจาะข้างไหน
เรื่องยังมีเล่าต่ออีกพอพี่ทิพท้องได้ 4 เดือนเริ่มมีปัญหาเด็กดิ้นเลือดก็ยังออกพอดิ้นแต่ละครั้ง มันมีความรู้สึกว่าเหมือนมีปลาดิ้นต่ำๆใกล้ๆปากช่องคลอด พี่ทิพต้องหยุดเดินทันทีแล้วต้องนั่งลงเลยค่ะ ไม่งั้นเด็กหลุดแน่ๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ทิพอยากจะไปเดินห้างเมโทร(สมัยนั้นอยู่ใกล้ทางด่วนพชร บุรี)พอพี่ทิพเดินได้แค่ประมาณ 100 เมตร ลูกก็ดิ้นจะหลุดออกมาต้องรีบหาเก้าอี้นั่ง แล้วเลยรีบไปรพ.คุณหมอเลยให้พี่ทิพเย็บปากมดลูก แถมบอกให้ต้องนอนคว่ำเพื่อให้มดลูกลอยตัวให้สูงขึ้นพี่ทิพต้องนอนคว่ำจนท้อง เริ่มใหญ่ (ก็แค่เหมือนคนลงพุงน้อยๆ) ตอนนั้นพี่ทิพรู้สึกว่าทำไมคนท้องถึงได้ลำบากขนาดนี้(คิดถงแม่ที่สุด)
หลังจากเดือนที่ 4 เลือดก็ออกน้อยลง คงเกี่ยวกับการเย็บปากมดลูก แต่อาการแพ้ท้องมันไม่น้อยกว่าเดิมเลย ช่วงนั้นแฟนพี่ทิพต้องทำงาน 2 ที่ คือหลังเลิกงาน 5 โมงเย็น พอ 1ทุ่มก็ไปทำงานพิเศษกลับ ตี 3 ช่วงนั้นพี่ทิพรู้สึกแย่มากๆ แถมครอบครัวที่พี่ทิพอยู่มีย่าทวดอายุมากแล้ว เขาก็รักพี่ทิพน๊ะ แต่คนสมัยย่าทวดเวลามีท้องเขาก็แค่รู้ว่าท้อง จะไปรพ.อีกทีก็ตอนคลอดแล้ว แต่กับพี่ทิพมันไม่ใช่อย่างนั้น หาหมอตลอดทุกครั้งที่ไปหาหมอต้องหลบๆแอบๆ แถมครอบครัวที่บ้านแฟนขายขาหมู ขาหมูย่าทวดก็เผาเอง ตอนนั้นพี่ทิพท้องได้ประมาณ 5 เดือน ท้องเริ่มใหญ่ขึ้น พี่ทิพต้องรับหน้าที่เผาขาหมู ตอนแรกๆพี่ทิพไม่ต้องทำ แต่ตอนหลังน้องสามีแต่งงานไปพี่ทิพเลยต้องทำแทน เวลาเผาขาหมูพี่ทิพต้องนั่งขอนไม้ประมาณเก้าอี้เตี้ยๆ เตาไฟก็ต้องไฟแรงๆ พี่ทิพก็ขี้ร้อน แถมแพ้ท้องเหม็นกลิ่นขาหมูที่เผา แถมเผาแล้วก็ต้องขูดขาหมูอีก พี่ทิพทำได้อยู่นานแค่ไหนจำไม่ได้ ความที่นั่งค้ำท้องหลายครั้ง
เลือดก็เริ่มออกอีก แฟนพี่ทิพเลยพาพี่ทิพกลับมาอยู่กับพ่อ แม่พี่ทิพ พี่ทิพเลยค่อยยังชั่วหน่อย เพราะที่บ้านดูแลเป็นอย่างดี
ตลอดเวลาพี่ทิพต้องฉีดยากันแท้งเป็นระยะๆ เจอทั้งน้ำเกลือ เจอทั้งยากันแท้ง เป็นอย่างนี้จนกระทั่งเข้าเดือนที่ 9 พี่ทิพก็มีอาการเหมือนปวดท้องถ่าย แต่ถ่ายไม่ออก พี่ทิพเลยโทรไปถามคุณหมอ คุณหมอบอกว่าพี่ทิพจะคลอดแล้ว เชื่อมั้ยค่ะท้องพี่ทิพยังเล็กมากๆเลย พอไปถึงรพ.พยาบาลถามพี่ทิพว่า เอ้า!วันนี้จะเจาะน้ำเกลือข้างไหนดี พี่ทิพบอกจะมาคลอด พยาบาลบอกว่า ท้องยังเล็กเลย แล้วเด็กออกมาหัวจะได้เท่านมข้นตราหมีได้มั้ย พี่ทิพก็คิดหนัก
เพื่อนๆค่ะพี่ทิพเข้ารพ.เตรียมคลอดวันพุธตัดไหมที่เย็บปากมดลูกทิ้ง คุณหมอบอกว่าเด็กเกิดปีนี้ให้เกิดวันพฤหัสจะดีพี่ทิพก็ตามใจคุณหมอ พอวันรุ่งขึ้นพยาบาลมาฉีดยาเพื่อเร่งให้มดลูกบีบตัว ปากมดลูกเปิด แต่ปรากฎว่าจนกระทั่งบ่ายโมงพี่ทิพก็ยังไม่คลอด มีแต่เลือดออกมาเยอะมากๆ พี่ทิพต้องนอนเอาผ้ายางรองก้น พยาบาลต้องเข้ามายกผ้ายางเทเลือดลงกระโถน จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบจะ 6 โมงเย็นในห้องที่พี่ทิพนอน (ไม่ใช่ห้องรอคลอด) เหม็นคาวเลือดอย่างมาก น้องๆหรือคนที่มาเยี่ยมต่างก็บ่น พี่ทิพเริ่มกลัว และอ่อนเพลีย บอกให้คุณหมอผ่าออก แต่ตอนนั้นประมาณ สองทุ่มกว่าๆแล้วคุณหมอบอกว่าผ่าไม่ได้ เพราะพี่ทิพความดันต่ำมาก และเสียเลือดมาก บอกให้พี่ทิพมีสติ ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ บอกตรงๆว่าตอนนั้นพี่ทิพปวดหลังอย่างมาก แต่ในที่สุด สามทุ่ม สิบนาที
พี่ทิพก็คลอดเองตามธรรมชาติ คำแรกพี่ทิพถามคุณหมอว่าลูกอวัยวะครบมั้ยเพราะพี่ทิพกังวลตลอด 9 เดือน พี่ทิพทานน้อยมาก มีแต่น้ำเกลือ และยา มาพอทานได้ก็ตอนกลับมาอยู่กับ พ่อ แม่ พี่ทิพ เพราะบ้านพี่ทิพเป็นร้านอาหารโต้รุงเลยได้ทานในสิ่งที่อยากทาน คือปลานึ่ง และไก่ไหว้เจ้า คือไก่ต้มทั้งตัว แต่ต้องไปไหว้เจ้าที่ก่อนแล้วค่อยทานได้ ไม่งั้นทานไม่ได้จะเหม็น มีอยู่ครั้งนึง แม่เห็นพี่ทิพอยากทานมากเลยบอกว่าไหว้แล้ว ปรากฎว่าทานเข้าไปคำเดียวออกหมดเลย(ไม่เชื่ออย่าลบหลู่)
หลังจากพี่ทิพคลอดแล้ว ลูกสาวพี่ทิพเลี้ยงยาก (หรือเราเลี้ยงไม่เป็น) นมก็กินน้อย พอมากินอาหารเสริมก็ไม่ยอมกินอีก โจ็ก 1 บาท กินไปกินมาเหลือเยอะกว่าเดิมอีก เพราะลูกพี่ทิพอมข้าวพอบ้วนออกมาเลยมีทั้งน้ำลาย ทั้งโจ็ก ลูกสาวพี่ทิพไม่ค่อยแข็งแรง หาหมอค่อนข้างบ่อย
มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ทิพอยู่กับลูกลำพังสองคน ลูกพี่ทิพตัวร้อนจัดพอไปหาหมอ คุณหมอให้ยาแก้ไข้เป็นยาน้ำเชื่อมสีแดงๆ ลูกสาวพี่ทิพไม่ยอมกินยา ซึ่งพี่ทิพก็ไม่เก่งในเรื่องป้อนยา พี่ทิพป้อนยาลูกโดยค่อยๆเทเข้าทางข้างๆแก้มปรากฎว่าลูกสาวพี่ทิพสำลักยา ซึ่งตอนนั้นลูกพี่ทิพเพิ่งได้แค่ประมาณ 3 เดือนตัวเล็กมาก พี่ทิพทำอะไรไม่ถูก พอลูกดิ้นเพราะหายใจไม่ออก พี่ทิพอยู่กับลูกที่ชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า พี่ทิพตะโกนบอกน้องแฟนว่าให้เรียกแม่ (แม่สามี)มาช่วยดูหน่อยเพราะลูกพี่ทิพหายใจไม่ออกดิ้นใหญ่เลย แต่แม่สามีบอกว่าเดี๋ยวก็หายไม่ต้องทำอะไร
ตอนนั้นพี่ทิพกลัวมากคิดว่าลูกต้องตายแน่ๆ แฟนก็ไม่อยู่เพราะไปทำงานต่างจังหวัด พอดีพี่ทิพนึกขึ้นมาได้ว่าเคยอ่านแม่และเด็กอยู่ฉบับบนึงว่า ถ้าลูกลำลักยา หรือสำลักอาหารให้ดูดออกมาตอนนั้นจำได้แค่นั้น พี่ทิพเลยตัดสินใจใจปากพี่ทิพดูดจมูกของลูกซึ่งวินาทีนั้นพี่ทิพก็ไม่รู้ว่า ทำถูกหรือไม่ พี่ทิพเห็นลูกหน้าเขียวร้องไม่มีเสียง พี่ทิพใจเสีย กลัวก็กลัวพี่ทิพทำอย่างนั้นอยู่สองครั้ง พอครั้งที่สองก็มียากับน้ำมูกออกมาอยู่ในปากพี่ทิพ วินาทีนั้นพี่ทิพคิดว่าลูกเรารอดแล้ว และโชคก็เข้าข้างพี่ทิพ ลูกพี่ทิพร้องเสียงดังและไม่ดิ้นแบบตอนรกแล้ว
เชื่อมั้ยค่ะพี่ทิพอยู่กันสองแม่ลูก พี่ทิพนั่งร้องไห้ เสียใจ เสียขวัญ เป็นความรู้สึกที่คิดถึงแม่พี่ทิพอย่างมากที่สุดพี่ทิพเลี้ยงลูกแบบถูกๆผิดๆ ในใจคิดเสมอว่า ถ้าลูกเกิดมาแล้วไม่ปกติในด้านสมอง หรืออวัยวะไม่ครบ แล้วจะทำอย่างไร เพราะตลอดเวลาพี่ทิพมีแต่ยาเท่านั้นที่เข้าสู่ร่างกายพี่ทิพ แถมลูกสาวก็ไม่แข็งแรง ต้องตัดต่อมทอลซิลตอนอายุ 6 ขวบ
ตอนที่พี่ทิพคลอดลูกสาวคนนี้พี่ทิพลำบาก พี่ทิพยังจำภาพที่ลูกสาวพี่ทิพดูดนมจากขวดจนเหงื่อแตก ดูดไปก็ร้องไห้ไปเพราะดูดไม่ออก ที่ดูดไม่ออกเพราะพี่ทิพไม่มีเงินซื้อนมกระป๋องใหม่ให้ลูก พี่ทิพซื้อนมยี่ห้อ คลิม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาแต่เพราะพี่ทิพไปซื้อนมที่หมดอายุ กระป๋องบุบๆ เวลาชงนมแล้วนมไม่ละลาย มันจะเป็นเม็ดๆ เวลาดูดมันก็จะติดที่ปลายจุกนม
มาจนถึงปัจจุบันลูกสาวพี่ทิพเป็นเด็กกตัญญู (พี่ทิพยังเคยพูดให้อาจารย์ดำรงฟังเลยว่าฉันได้ลูกดี) แถมเรียนจบมหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ ได้เกียรตินิยมอันดับสองค่ะ
พี่ทิพคิดว่าเรื่องที่พี่ทิพเล่ามาทั้งหมดมันยังอยู่ในความทรงจำพี่ทิพไม่ รู้ลืม
อัพเดท 06/03/54
..........................................................................................................................................................................
ประสบการณ์คุณแม่มือใหม่โดย Pimonthip Jitcharoenvirakul ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2010 เวลา 0:00 น.พี่ ทิพได้อ่านเรื่องของคุณแม่มือใหม่พี่ทิพอ่านแล้วก็ให้คิดถึงตอนจะคลอด พยาบาลมาบอกว่าคนท้องเวลาเจ็บท้องคลอดถ้าคนแรกร้องโวยวายอย่างไรคนที่สองก็ จะร้องเหมือนท้องแรก พยาบาลบอกทิพว่าร้องได้แต่ห้ามด่า ห้ามถีบพยาบาล(เคยโดนคนเจ็บท้องคลอดถีบจริงๆค่ะ) ทิพก็เลยกลัวจะติดนิสัยเผื่อมีท้องที่สอง เลยไม่ร้องเลยได้แต่บีบมือ บีบแขนพยาบาลบางครั้งเผลอหยิกด้วยค่ะ จนคุณหมอบอกว่าปวดก็ร้องบอกได้จะได้รู้ จนมาถึงตอนสำคัญคือเย็บแผลปากช่องคลอด เจ็บสุดๆ แถมคุณหมอและทีมทำคลอดบอกกับทิพว่าอย่าดิ้นน๊ะ ไม่อย่างนั้นมันจะเสียรูป มันจะเบี้ยว อูย ฟังดูน่ากลัวจัง เย็บสดๆ แต่ละเข็มจิ้มถูกเนื้อไม่อยากบรรยายเลยจริงๆน๊า
พอทิพออกจากรพ.ทาง บ้านสามีก็ให้ไปพักฟื้นที่ผดุงครรภ์แถวๆวัดไตรมิตรทิพจำได้ไม่ลืมเลยว่า วันแรกของที่พักฟื้นใครๆก็หลับอย่างสบายทั้งแม่และลูก แต่ทิพกับลูกไม่ได้นอนหรอกค่ะเพราะว่าลูกพี่ทิพร้องทั้งคืนเพิ่งรู้ว่าร้อง โคลิคเป็นอย่างไร สมัยนั้นช่วงนั้นมี เคอฟิวส์ สองทุ่มถึงตีห้า แทบจะไม่มีรถวิ่งบนท้องถนน ลูกพี่ทิพจะร้องตั้งแต่เริ่มเคอฟิวส์จนหมดเคอฟิวส์
และที่ทิพพักอยู่ เป็นห้องรวมๆกัน 10 เตียงทิพเลยเกรงใจเพื่อนร่วมห้อง เลยต้องอุ้มเดินทั้งคืน เวลาร้องหิวนม (ทิพไม่ค่อยมีน้ำนม)ก็ต้องอุ้มด้วยชงนมด้วยตัวลูกก็เล็กนิดเีดียว กลัวหล่นก็กลัวแต่ก็ไม่กล้าทิ้งให้นอนคนเดียวเพราะจะร้องจนปากเขียวสรุป ว่า เวลาจะชงนมแต่ละครั้งแทบไม่ได้ล้างขวดนมได้แบบสะอาด ได้แค่เขย่าน้ำและลวกน้ำร้อนเท่านั้น ปรากฎว่าลูกท้องเสียค่ะ คราวนี้ยิ่งลำบากเพราะไม่ท้องเสียก็ร้องขนาดนั้นแต่นี่ท้องเสียไปกันใหญ่
ทิพ เย็บแผลคลอดยังใหม่ๆอยู่พอมาเดินอย่างนั้น เพื่อนๆคิดดูน๊ะ เลือดจากตะเข็บแผลไหลมาเป็นทางเลย ตอนแรกๆยังพอเดินได้บ้าง พอวันที่สองแผลอักเสบทิพตัวร้อน เดินก็ไม่ค่อยไหวแล้วต้องค่อยก้าวทีละนิด ลูกก็ร้องเป็นสัญญานเคอฟิวส์เลย ในที่สุดทิพบอกกับทางคนดูแลว่าทิพเดินไม่ไหวแล้ว
ในที่สุดเขาส่ง พยาบาลมาดูแผลแล้วต้องตัดไหมทิ้งเพราะแผลอักเสบเยอะแล้วเย็บใหม่ แล้วจึงมาอบแผลให้แห้งทรมานมากที่สุด คิดทีไรขนลุกทุกที หลังจากนั้นยังมีเรื่องนึงที่ขำๆค่ะ
คือลูกพี่ทิพท้องผูกถ่ายไม่ออก โดยเฉพาะเวลากลางดึกพี่ทิพต้องช่วยเบ่ง เสียงอึ๊ อึ๊เป็นเสียงเบา ยานๆ ส่วนหนึ่งคือทิพง่วงเลยเบ่งทั้งๆที่ตัวเองหลับตา ทีนี้ทิพก็ไม่ทันสังเกตุว่าเพื่อนๆหายไปทีละเตียงจนเหลือพี่ทิพกับเพื่อน ใหม่อีกหนึ่งเตียง จนผ่านไปเกือบอาทิตย์ มีอยู่วันนึงทิพอุ้มลูกออกมานั่งดูทีวีพร้อมเพื่อนๆข้างห้อง ทีนี้ลูกทิพก็ปวดอึเบ่งหน้าดำหน้าแดง ทิพเลยออกเสียงช่วยเบ่ง เท่านั้นแหละค่ะทุกคนหลันมามองที่มาของเสียง แล้วก็บอกกับทิพว่ารู้มั้ยทุกคนในห้องเขากลัวเสียงนี้เขาไม่รู้ว่าเป็นเสียง ของทิพเองที่เขากลัวกันก็เพราะสถานที่พักฟื้นอยู่ตรงข้ามวัดไตรมิตร แล้วทุกๆเย็นจะมีพิธีสวด(งานศพ)เขาก็พูดกันว่าให้สังเกตุฟังเสียงสิกลางดึก จะมีเสียงจากห้องข้างๆ เลยย้ายหนีกันทิพคิดถึงเรื่องนี้ก็อดขำไม่ได้
เป็น ผู้หญิงคิดให้ดีๆนั้นแสนลำบาก แต่ทิพเคยพูดว่าถ้าชาติหน้ามีจริงฉันก็ยังเลือกที่จะเกิดเป็นผู้หญิงอยู่ดี แหละค่ะ ทิพชอบตวามสวยงาม ความรัก ความอ่อนโยน .
อัพเดท 06/03/54
_______________________________________________________________________________________________________________________________
อาหารต้านมะเร็ง
Pimonthip Jitcharoenvirakul อาหารต้านมะเร็ง
อาหารต้านมะเร็ง
อาหารเปี่ยมคุณค่าเหล่านี้ไม่เพียงช่วยยับยั้งมะเร็ง ยังรักษาน้ำหนักให้คงที่และทำให้หัวใจแข็งแรง
ขนมปังโฮลวีท
... ขนมปังสองแผ่นมีไฟเบอร์เกือบ 4 กรัม ช่วยให้ระดับฮอร์โมนเอสโทรเจนคงที่ (การมีเอสโทรเจนสูงเกินไปอาจก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมได้) ทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ยังพบมากใน: ถั่วเลนทิล ลูกแพร์ ถั่วอัลมอนด์
บรอกโคลี
ติดอาวุธป้องกันมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะด้วยการเติมบรอกโคลีในสลัดมีสารซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง
ยังพบมากใน: ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี คะน้า กวางตุ้ง
แครอท
เต็มไปด้วยเบต้าแคโรทีนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่ปากมดลูก รังไข่ ปอด หลอดอาหาร กล่องเสียง และ
มะเร็งปาก หนึ่งถ้วยครึ่งเท่ากับปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวันเกือบสามหน่วย
ยังพบมากใน: ฟักทอง แตงโม แคนตาลูป
ถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองเป็นแหล่งสำคัญของสารไฟโตเอสโทรเจน(phytoestrogen) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และมะเร็งปอด
ยังพบมากใน: เต้าหู้ แครอท ผักโขม
กีวี
อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี (ผลขนาดกลางสองผล หรือหนึ่งหน่วยบริโภคมีวิตามินซีประมาณ 137 มิลลิกรัม) ช่วยปกป้องดีเอ็นเอไม่ให้เปลี่ยนรูป ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดมะเร็ง
ยังพบมากใน: เกรปฟรุตมะละกอ พริกไทย
อะโวคาโด
ในอะโวคาโดมีโฟเลตอยู่เต็มเปี่ยม ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ในหนึ่งถ้วยครึ่ง มีโฟเลตประมาณ 45 ไมโครกรัม เท่ากับ 10 เปอร์เซ็นต์ของ
ที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน
ยังพบมากใน: ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง